ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันอังคาร (8 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น และทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าความขัดแย้งระหว่างประเทศอันเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น
Dow Jones -0.56%
S&P500 -0.72%
Nasdaq -0.28%
การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์อันเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยขณะนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้นเป็นวงกว้าง ตั้งแต่น้ำมันดิบ น้ำมันเบนซิน ไปจนถึงโลหะมีค่าอย่างนิกเกิลและพัลลาเดียม
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลง 2.64% และ 2.11% ตามลำดับ โดยหุ้นไนกี้ ดิ่งลง 2.60% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ลดลง 0.83% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ร่วงลง 2.31% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ลดลง 1% หุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 1% หุ้นอิไล ลิลลี่ ลดลง 0.65% อีกทั้งการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเป็นปัจจัยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.39% โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 5.24% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 1.43% หุ้นเอ็กซอน โมบิล บวก 0.77%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 9.4% สู่ระดับ 8.97 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.71 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 8.20 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ธ.ค. ส่วนการนำเข้าเในเดือนม.ค.พิ่มขึ้น 1.2% สู่ระดับ 3.141 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การส่งออกลดลง 1.7% สู่ระดับ 2.244 แสนล้านดอลลาร์
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงในวันอังคาร (8 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามในยูเครน และการที่ชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย
Stoxx Europe 600 -0.51%
CAC-40 -0.32%
DAX -0.024%
FTSE 100 +0.067%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวผันผวนตลอดทั้งวัน โดยหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 2% สวนทางตลาด ขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อร่วงลง 3.6%
ในส่วนของหุ้นรายตัวปรับตัวขึ้นและลงจากปัจจัยด้านผลประกอบการ โดยหุ้นไอดับบลิวจี ซึ่งให้เช่าสำนักงาน พุ่งขึ้นกว่า 8% หลังรายงานผลขาดทุนประจำปีลดลง เนื่องจากผู้เช่าสำนักงานเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์โควิด-19 ระบาดคลี่คลายลง อีกทั้งหุ้นเกรกส์ ซึ่งเป็นธุรกิจเบเกอรีของอังกฤษ ร่วงกว่า 3% หลังเตือนว่า แรงกดดันด้านต้นทุนมีแนวโน้มที่จะกระทบผลประกอบการในปีนี้
นักลงทุนจับตาตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้