ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดในวันพุธ (16 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน
Dow Jones +1.55%
S&P500 +2.24%
Nasdaq +3.77%
คณะกรรมการเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเฟดระบุว่า สงครามในยูเครนและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งในระยะใกล้ปัจจัยดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อและเป็นปัจจัยถ่วงเศรษฐกิจ
ทั้งนี้เฟดระบุว่า การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นเรื่องที่มีความเหมาะสมในการสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ขณะเดียวกันเฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 4.3% และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2566-2567 สู่ระดับ 2.7% และ 2.3% ตามลำดับ
คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งหมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งหลังจากนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นขานรับเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ทะยานขึ้น 6.3% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 4.45% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.11% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.07% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดีดขึ้น 2.99%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังจากราคาหุ้นดิ่งลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 8.97% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 4.01% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 2.527% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 3.16% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส พุ่งขึ้น 6.04% หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 2.9%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยหุ้นออกซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 2.82% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.30% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.38% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.41% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 0.24%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ขณะนี้รัสเซียและยูเครนใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงบางส่วนในการเจรจาสันติภาพ หลังจากที่ยูเครนยอมตกลงที่จะหารือเกี่ยวกับสถานะประเทศเป็นกลาง โดยคำกล่าวของนายลาฟรอฟได้เพิ่มความหวังว่ารัสเซียจะยุติการทำสงครามในยูเครน
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ในวันพุธ (16 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเจรจาสันติภาพรอบใหม่ระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่จีนสัญญาที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นด้วย
Stoxx Europe 600 +3.06%
CAC-40 +3.68%
DAX +3.76%
FTSE 100 +1.62%
นักลงทุนมีความหวังว่าสงครามในยูเครนที่ดำเนินมานาน 3 สัปดาห์จะสิ้นสุดลง หลังรัสเซียและยูเครนหารือเกี่ยวกับสถานะของยูเครนที่อยู่ภายนอกองค์การนาโต เเละตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนหลังจากที่นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า รัฐบาลจีนจะออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีนมากขึ้น รวมถึงการดำเนินนโยบายเพื่อส่งเสริมตลาดทุน
ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้นเกือบ 6% นำโดยหุ้นโพรซัสของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งถือหุ้นเทนเซ็นต์ของจีน พุ่งเกือบ 23.9%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มรถยนต์ที่หารายได้จากจีน พุ่งขึ้น 3.6% และ 5.2% ตามลำดับ หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหราก็ปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นหลุยส์วิตตองและหุ้นริชมอนต์ พุ่ง 4.8% และ 7.8% ตามลำดับ