ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพฤหัสบดี (17 มี.ค.) ขานรับรายงานที่ว่า รัสเซียได้ชำระดอกเบี้ยพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์แล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งช่วยให้รัสเซียรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ตลาดยังคงได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ
Dow Jones +1.23%
S&P500 +1.23%
Nasdaq +1.33%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 1% หลังจากนายแอนตอน ซิลูอานอฟ รัฐมนตรีคลังของรัสเซียเปิดเผยว่า รัสเซียได้ชำระดอกเบี้ยพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์จำนวน 2 ฉบับ วงเงินรวม 117 ล้านดอลลาร์แล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งช่วยให้รัสเซียรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ โดยการชำระดอกเบี้ยพันธบัตรดังกล่าวถือเป็นบททดสอบครั้งแรกของรัสเซีย หลังจากที่ถูกสหรัฐและชาติพันธมิตรคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพื่อตอบโต้รัสเซียที่ส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งในปีนี้เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือกับการที่เฟดเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.48% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลได้อีกครั้งเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 9.65% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.66% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.73% หุ้นออกซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 9.47% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 4.23%
นอกจากนี้ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 15,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 214,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 220,000 ราย
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านพุ่งขึ้น 6.8% ในเดือน ก.พ. สู่ระดับ 1.769 ล้านยูนิต และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.690 ล้านยูนิต จากระดับ 1.657 ล้านยูนิตในเดือน ม.ค.
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันพฤหัสบดี (17 มี.ค.) หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดปรับตัวรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และนักลงทุนจับตาการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
Stoxx Europe 600 +0.45%
CAC-40 +0.36%
DAX -0.36%
FTSE 100 +1.28%
ตลาดปรับตัวขึ้นหลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดี และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดเช่นกัน
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์นำตลาดปรับตัวขึ้น โดยหุ้นกลุ่มพลังงาน พุ่งขึ้น 2.2% หลังราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้น 8% จากความวิตกเกี่ยวกับภาวะขาดแคลนพลังงานในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เนื่องจากการคว่ำบาตรรัสเซีย
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ปรับตัวขึ้น 0.7% หลังราคาทองแดงและอะลูมิเนียมที่ตลาดเซี่ยงไฮ้ยังคงปรับตัวขึ้น จากความหวังที่จีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
หุ้นดีลิเวอรู ซึ่งทำธุรกิจส่งอาหารของอังกฤษ พุ่ง 6.3% หลังตั้งเป้าทำรายได้หลักให้ถึงจุดคุ้มทุนภายในราว 2 ปี
หุ้นวีโอเลีย บริษัทจัดการด้านอาหารและของเสียของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 2.8% หลังประมาณการว่า รายได้สุทธิจะขยายตัวมากกว่า 1 ใน 5 ในปีนี้
บรรดานักลงทุนจับตาการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่สงครามในยูเครนเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 แล้ว