ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันศุกร์ (18 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นอย่างมาก หลังจากที่การเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเกี่ยวกับวิกฤตยูเครนนั้นได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีเรื่องน่าประหลาดใจอย่างมากแต่อย่างใด
Dow Jones +0.80%
S&P500 +1.17%
Nasdaq +2.05%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. 2563 โดยดัชนีดาวโจนส์ พุ่งขึ้น 5.5%, ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น 6.2% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 8.2%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวกในวันศุกร์ โดยกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปิดบวก 2.2% และกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร เพิ่มขึ้น 1.4% ขณะที่หุ้นลบเพียงกลุ่มเดียวได้แก่กลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งลดลง 0.9%
หุ้นโมเดอร์นา ปิดพุ่งขึ้น 6.3% หลังยื่นขอให้สำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ อนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่ 4
หุ้นโบอิ้ง ปิดบวก 1.4% หลังมีรายงานว่า สายการบินเดลตา แอร์ไลน์ได้สั่งซื้อเครื่องบินรุ่น 737 MAX 10 ของโบอิ้งจำนวนมากถึง 100 ลำแต่หุ้นเฟดเอกซ์ คอร์ป ร่วงลงเกือบ 4% หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาสออกมาอ่อนแอกว่าคาด
ทั้งนี้การที่ราคาน้ำมันลดลงได้ช่วยคลายความวิตกให้กับตลาด นอกจากนี้นักลงทุนยังขานรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เมื่อวันพุธ (16 มี.ค.) รวมถึงแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันศุกร์ (18 มี.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน และขานรับการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน
Stoxx Europe 600 +0.91%
CAC-40 +0.12%
DAX +0.17%
FTSE 100 +0.26%
ตลาดได้แรงหนุนจากการเจรจาสันติภาพเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งได้ช่วยหนุนตลาดขึ้นมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2563 เเละรายงานว่า รัสเซียได้ชำระดอกเบี้ยพันธบัตรสกุลดอลลาร์ 2 ชุดวงเงิน 117 ล้านดอลลาร์ ซึ่งได้คลายความวิตกเกี่ยวกับความสามารถของรัสเซียในการชำระหนี้ หลังจากที่ถูกคว่ำบาตรโดยชาติตะวันตก
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโวดาโฟน พุ่งขึ้น 1.3% เเละหุ้นแวนเทจ ทาวเวอร์ส พุ่ง 10.8% หลังรอยเตอร์รายงานว่า กองทุนโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกเข้าซื้อหุ้นโวดาโฟนเพื่อลงทุนในบริษัทแวนเทจ ทาวเวอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเสาโทรคมนาคมมูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
แต่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.8% สวนทางตลาด หลังจากราคาน้ำมันดิบลดลงสู่ราว 106 ดอลลาร์/บาร์เรล ในวันศุกร์ จากระดับสูงถึง 139 ดอลลาร์/บาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา