ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบชะลอตัวลง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี
Dow Jones +1.02%
S&P500 +1.43%
Nasdaq +1.93%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงกว่า 2% ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)
นอกจากนี้ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนตลาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 28,000 ราย สู่ระดับ 187,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 212,000 ราย
ทางด้านเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน มี.ค. ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 58.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 57.3 ในเดือน ก.พ. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือน มี.ค. อยู่ที่ 58.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 56.5 ในเดือน ก.พ.
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปพุ่งขึ้น 2.71% โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวขึ้น 1.54% หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ทะยานขึ้น 9.82% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 2.86% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.38% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 5.80% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 6.94% หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 2.27%
ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น 1.96% โดยหุ้นนูคอร์ พุ่งขึ้น 4.34% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 3.29% หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ทะยานขึ้น 6.51% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ พุ่งขึ้น 1.97%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 2.341% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 0.67% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ขยับขึ้น 0.18% หุ้นซิตี้กรุ๊ป บวก 0.12% หุ้นเวลส์ ฟาร์กโก ดีดขึ้น 0.42%
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (24 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับสงครามในยูเครนที่ล่วงเข้าสู่เดือนที่ 2 แล้ว ขณะที่ชาติตะวันตกได้ตกลงกันที่จะเพิ่มการช่วยเหลือยูเครน และขยายมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียในการประชุมสุดยอดนัดพิเศษของนาโต
Stoxx Europe 600 -0.21%
CAC-40 -0.39%
DAX -0.07%
FTSE 100 +0.09%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในช่วงปิดตลาด หลังปรับตัวไร้ทิศทางตลอดทั้งวัน ขณะที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามในยูเครน โดยในการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ ผู้นำชาติตะวันตกได้ตกลงที่จะเสริมกำลังทหารในยุโรปตะวันออก, เพิ่มความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครน และเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียกล่าวเมื่อวันพุธ (23 มี.ค.) ว่า ประเทศที่อยู่ในรายชื่อ “ไม่เป็นมิตร” ของรัสเซีย จะต้องชำระค่าซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นสกุลรูเบิลเท่านั้น
นอกจากนี้ตลาดยังวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นด้วย โดยนายแฟรงค์ เอลเดอร์สัน กรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า ECB อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง 0.7% และหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงด้วย หลังหุ้น Next ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าของอังกฤษ ร่วง 3.3% หลังปรับลดคาดการณ์ยอดขายและผลกำไรสำหรับปี 2565-2566
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวลงยังรวมถึงหุ้นริชมอนต์ของสวิตเซอร์แลนด์ ร่วงลง 2.1% หลังขายหุ้นทั้งหมด 20% ในบริษัทเกรอเบล ฟอร์ซีย์ ผู้ผลิตนาฬิกาหรูของสวิตเซอร์แลนด์
นักลงทุนจับตาการประชุมฉุกเฉินขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวานนี้ เพื่อหามาตรการตอบโต้รัสเซียจากการที่ส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงกรุงบรัสเซลส์แล้ว และเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของ 3 กลุ่ม ซึ่งได้แก่ การประชุมนาโต, การประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 หรือ G7 และการประชุมสหภาพยุโรป (EU)