Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐ และยุโรปปรับตัวลง เนื่องจากความกังวลว่า เศรษฐกิจอาจถดถอยจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยจะมีการประชุมในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ ตามเวลาไทย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ในวันอังคาร (14 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ ตามเวลาไทย
Dow Jones -0.50%
S&P500 -0.38%
Nasdaq +0.18%
คณะกรรมการเฟดได้เริ่มการประชุมนโยบายการเงินวันแรกเมื่อวานนี้ และจะแถลงผลการประชุมในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ ขณะที่นักวิเคราะห์จากหลายสำนัก ซึ่งรวมถึงนายแจน แฮตซิอุซ หัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ และนายมิเชล เฟโรลี นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ต่างก็คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมรอบนี้ และจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือน ก.ค.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ
ทำให้หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 2.58% โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น ดิ่งลง 4.23%, หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ร่วงลง 2.4% และหุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ร่วงลง 3.14%
ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง 1.29% โดยหุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ดิ่งลง 3.12%, หุ้นโคคา-โคลา ร่วงลง 2.74% และหุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค ร่วงลง 2.84%
หุ้นกลุ่มสายการบินและธุรกิจเรือสำราญร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 2.58%, หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.78%, หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 3.84% และหุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูส ร่วงลง 4.38%
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.62% และ 0.07% ตามลำดับ โดยหุ้นแอปเปิล บวก 0.67%, หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 0.3%, หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 0.92%, หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.26% และหุ้นเชฟรอน บวก 0.11%
หุ้นเฟดเอ็กซ์ ทะยานขึ้น 14.38% หลังบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลกว่า 50% ขณะที่หุ้นออราเคิล คอร์ป พุ่งขึ้น 10.50% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการรายไตรมาส เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์คลาวด์มีแนวโน้มแข็งแกร่ง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือน เม.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือน พ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน มิ.ย. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การเริ่มสร้างบ้าน และการอนุญาตก่อสร้างเดือน พ.ค. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ค.
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดปรับตัวลงในวันอังคาร (14 มิ.ย.) เป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงในสหรัฐฯ และแนวโน้มที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
Stoxx Europe 600 -1.26%
CAC-40 -1.20%
DAX -0.91%
FTSE 100 -0.25%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากดัชนี S&P500 ยืนยันการเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (bear market) เมื่อวันจันทร์ ท่ามกลางความวิตกว่าการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในยูโรโซน, ภาวะการเงินตึงตัว และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มอุตสาหกรรมนำตลาดยุโรปร่วงลง ขณะที่กลุ่มธนาคารฟื้นตัวขึ้น 1.1%
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ โอคาโด และคิงฟิสเชอร์ ร่วงลง 10.8% และ 4.4% ตามลำดับ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอลง
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ปรับตัวขึ้น 0.8% สวนทางตลาด หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันตึงตัวทั่วโลก
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การตัดสินใจของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนมากคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างมาก