ต้องยอมรับว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดคริปโตฯ มีการเติบโตที่หวือหวา อย่าง Bitcoin ในปี 2021 ให้ผลตอบเเทนเฉลี่ยถึง 80% หากดูการเติบโตที่เป็นเปอร์เซ็นต์ถือว่าน้อยกว่าปีอื่นๆ ที่ผ่านมา เนื่องจากมูลค่าตลาดที่ใหญ่ขึ้น เเต่ยังถือว่าเป็นสัดส่วนที่มากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เท่าตัว
โดยมีปัจจัยหลายอย่างที่หนุนให้ตลาดคริปโตฯ สร้างพื้นฐานที่มั่นคง เเละเติบโตขึ้นอย่างกว้างขวาง
1. กฎหมายที่ชัดเจนขึ้นในหลายประเทศ
2. สถาบันการเงินขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในคริปโตฯ มากขึ้น
“เเต่สำหรับในปี 2022” เปิดปีมาด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ส่งผลต่อตลาดลงทุนกันทั่วหน้า มิหนำซ้ำยังมีปัญหาด้านเงินเฟ้อเข้ามาเป็นปัจจัยลบอีกด้วย นักลงทุนหลายคนจึงเกิดความกังวลว่า ตลาดคริปโตฯ จะสามารถฟื้นตัวได้อีกครั้งหรือไม่ ?
นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังอย่าง Harry Dent เเละและผู้ก่อตั้ง HS Dent Publishing ได้เปิดเผยว่า แนวโน้มวิกฤติเศรษฐกิจอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น จากภาวะการตกต่ำทางการเงินครั้งใหญ่ โดยความผันผวนจากรายงานการประชุมของ FED ที่ประกาศจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และลดขนาดงบดุลลง ซึ่งส่งผลทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางคนออกมาเตือนว่า อาจกระทบต่อเครือข่ายตลาดลงทุน และอาจทำให้ภาคเศรษฐกิจพังทลายลงในปี 2022
เเนวโน้มการเกิดวิกฤติในครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบในตลาดการลงทุนอย่างชัดเจนในอีก 3 เดือนข้างหน้า และจะเห็นการปรับฐานและลดลงของดัชนีการลงทุนครั้งสำคัญ ดังนั้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ อาจเห็นภาพการหดตัวของเศรษฐกิจ และภาคการลงทุนมากถึง 45% ถึง 55% และเมื่อทยอยปรับตัวลดลงแล้ว จะไหลลงอย่างเร็วมาก.ซึ่งหากเกิดเเนวโน้มขึ้นมา ตลาดหุ้นจะตกต่ำลงกลับไปใกล้เคียงกับปี 1929 ถึงปี 1932 โดยเฉลี่ยประมาณ 87% สำหรับ S&P500 และอาจสูงกว่า Nasdaq เล็กน้อย ซึ่งนักลงทุนต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เเละการลงทุนจะทยอยฟื้นตัวกลับมาในช่วงปลายปี 2023
สำหรับตลาดคริปโตฯ คาดว่า Bitcoin จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยจะปรับตัวลดลงเหลือประมาณ 7,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 235,000 บาท ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการวิเคราะห์ของนักเศรษฐศาสตร์ท่านหนึ่งเท่านั้น เรายังคงต้องติดตามข่าวสาร เเละปัจจัยที่จะส่งผลต่อตลาดคริปโตฯ กันต่อไป สำหรับพี่โบ้.. “เย็นให้พอ รอให้เป็นครับ” ใครสาย hold ก็เก็บของกันยาวๆ นะครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม: สาระน่ารู้
วิเคราะห์ราคาทองคำรายวัน: วิเคราะห์ราคาทองคำ และ Facebook Page