
Carry Trade วิธีการทำกำไรจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินสองสกุลเงิน โดยการกู้ยืมในสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และนำไปลงทุนในสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง 🪙
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดการเงิน กลยุทธ์ Carry Trade ยังคงเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน แต่รู้ไหมครับว่า ในภายภาคหน้าที่สามารถเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา Carry Trade อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์อีกต่อไปแล้ว แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น? บทความนี้จะเปิดเผยทุกแง่มุมของ Carry Trade ตั้งแต่กลไกการทำงาน ไปจนถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จและความเสี่ยงที่ควรระวัง
*หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้น เพื่อให้ความรู้เท่านั้นไม่ได้มีเจตนาแนะนำหรือชักชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด การลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนเริ่มทำการลงทุน
………………….🐶………………….
Carry Trade คืออะไร?
Carry Trade ในตลาด Forex คือ กลยุทธ์ที่ทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างคู่สกุลเงิน โดยการยืมหรือซื้อสกุลเงินที่มีดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปลงทุนในสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าและทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งการใช้กลยุทธ์ Carry Trade ในตลาด Forex หากคุณอยากประสบความสำเร็จคุณต้องเลือกคู่สกุลเงินที่มีสเปรดของอัตราดอกเบี้ยสูง เพราะยิ่งส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยสูง นั่นหมายถึงโอกาสที่จะได้รับผลกำไรที่มากขึ้นจากการถือครองสถานะครับ
คู่เงินที่นิยมใช้ในการ Carry Trade
โดยทั่วไปการ Carry Trade เทรดเดอร์จะเลือกลงทุนในสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำและอัตราดอกเบี้ยสูง ดังนี้
- สกุลเงินที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ: ฟรังก์สวิส (CHF) และเยนญี่ปุ่น (JPY)
- สกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง: ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD), ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD), เงินบาทไทย (THB) และเรียลบราซิล (BRL)
อย่างไรก็ตาม ความนิยมของคู่สกุลเงินเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาและนโยบายดอกเบี้ยของแต่ละประเทศ นักลงทุนจึงควรติดตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการทำกำไรครับ
สิ่งที่ต้องรู้! ก่อนทำ Carry Trade
แต่ก่อนที่คุณจะสามารถใช้กลยุทธ์ Carry Trade Forex ได้ จำเป็นต้องเข้าใจคำศัพท์เหล่านี้ก่อน เพื่อการทำความเข้าใจที่ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพ
คำสำคัญ | ความหมาย |
ค่า Swap | ดอกเบี้ยที่เกิดจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างคู่เงิน ซึ่งจะถูกเพิ่มหรือหักจากบัญชี เมื่อถือครองออเดอร์ข้ามคืน |
ค่า Swap บวก (+) | อัตราดอกเบี้ยที่คุณจะได้รับจากโบรกเกอร์เมื่อถือออเดอร์ข้ามคืน |
ค่า Swap ลบ (-) | อัตราดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์เมื่อถือออเดอร์ข้ามคืน |
*หมายเหตุ: ค่า Swap บวก สามารถพบเจอได้ค่อนข้างยาก และมักเจอเฉพาะคู่เงินที่ไม่นิยม อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่า Swap ได้ที่ ค่า Swap คืออะไรคิดยังไง?
Carry Trade Forex ทำยังไง?
กลยุทธ์ Carry Trade มีใจความสำคัญอยู่ที่การทำกำไรจากส่วนต่างของดอกเบี้ยเท่านั้น ซึ่งอาจไม่ใช่เป้าหมายหลักของเทรดเดอร์ แต่เป็นเพียงการใช้ช่องโหว่ของ Forex เพื่อทำกำไร โดยขั้นตอนการทำ Carry Trade ในตลาด Forex มีดังนี้
- เลือกคู่สกุลเงินที่มีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยสูง (เช่น AUD/JPY, NZD/JPY ในช่วงที่ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์มีดอกเบี้ยสูงกว่าญี่ปุ่น)
- เปิดสถานะซื้อ (Long) ในคู่สกุลเงินนั้น เพื่อรับค่า Swap บวก
- ถือครองตำแหน่งในระยะเวลานานพอสมควรเพื่อให้ผลตอบแทนจากค่า Swap คุ้มค่า
- พิจารณาปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนและนโยบายอัตราดอกเบี้ย
🐶💬 อย่างไรก็ดีการ Carry Trade ก็ไม่ได้ส่งผลตามที่เราคาดคิดเสมอไปครับ ยกตัวอย่างเช่น สถานการณ์ Yen Carry Trade ที่สั่นสะเทือนเทรดเดอร์ทั่วโลกมาแล้ว!
Yen Carry Trade คืออะไร?

Yen Carry Trade คือ การที่นักลงทุนกู้ยืมเงินในสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่าง JPY เพื่อไปลงทุนและทำกำไรในส่วนต่างของดอกเบี้ยจากสกุลเงินที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าสกุลเงินที่ตนเองกู้ยืมมาก่อนหน้านั้น
ทำไมต้องเป็นเงินเยนญี่ปุ่น (JPY)?
เหตุผลที่เงินเยน หรือ JPY เป็นที่นิยมสำหรับการเทรดแบบ Carry Trade มีดังนี้
- ญี่ปุ่นมีนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน ทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น
- เงินเยน (JPY) มีสภาพคล่องสูงในตลาดการเงินโลก
- ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่และมีเสถียรภาพ
Timeline สำคัญของสถานการณ์ Yen Carry Trade

ปี (ค.ศ.) | เหตุการณ์สำคัญ |
2006-2007 | Yen Carry Trade เฟื่องฟูสูงสุด นักลงทุนทั่วโลกกู้เงินเยนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง |
2008 | เกิดวิกฤติการเงินโลก เงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการยกเลิก Carry Trade อย่างฉับพลัน |
2016 | BoJ ประกาศใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบที่ -0.1% เป็นครั้งแรก |
2016-2022 | ญี่ปุ่นยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ธนาคารกลางอื่น ๆ เริ่มปรับขึ้น ทำให้เอื้อต่อการทำ Carry Trad |
2023 | ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นส่งสัญญาณทบทวนนโยบายการเงิน ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงแตะระดับ 150 เยนต่อดอลลาร์ |
2024 | BoJ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 17 ปี จาก -0.1% เป็น 0.1% และยุติการใช้นโยบาย Yield Curve Control (YCC) ต่อมาขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สองเป็น 0.25% ทำให้นักลงทุนเริ่มยกเลิก Yen Carry Trade เป็นจำนวนมาก |
2025 | BoJ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็น 0.35% และมีแนวโน้มจะขึ้นถึง 0.5% ภายในปีนี้ ในขณะที่ Fed ยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง |
จาก Timeline ดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักได้คาดการณ์ว่า “ยุคทองของ Yen Carry Trade” อาจสิ้นสุดในปี 2025 บทเรียนครั้งนี้จึงทำให้เราได้เห็นแล้วครับว่า แม้การ Carry Trade อาจจะฟังดูเหมือนง่าย แต่แท้จริงแล้วก็แฝงด้วยความเสี่ยงและความซับซ้อนมากมาย ดังนั้น เทรดเดอร์จึงจำเป็นต้องศึกษาความเสี่ยงและวางแผนการลงทุนให้ดีก่อนเริ่มทำการลงทุนครับ
ความเสี่ยงจากการ Carry Trade
ความเสี่ยงที่เทรดเดอร์ต้องเผชิญเมื่อใช้กลยุทธ์การเทรดแบบ Carry Trade มีดังนี้
1. ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
- ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของ Carry Trade คือ การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่คาดไม่ถึง ซึ่งผลกระทบจากการเคลื่อนไหวดังกล่าวสามารถลบล้างผลกำไรที่ได้จากส่วนต่างดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเทรดเดอร์ใช้ Leverage ในอัตราที่สูงเกินไป
2. ความเสี่ยงจากนโยบายอัตราดอกเบี้ย
- ธนาคารกลางสามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราดอกเบี้ยได้ตลอดเวลา การขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือการปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะทำให้ส่วนต่างของดอกเบี้ยลดลงและอาจส่งผลต่อทิศทางของสกุลเงิน
3. ความเสี่ยงจากวิกฤตตลาด
- ช่วงวิกฤตการเงินหรือตลาดผันผวนรุนแรง นักลงทุนมักเทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพื่อเข้าซื้อสกุลเงินที่ปลอดภัย ซึ่งมักเป็นสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้สกุลเงินที่มีดอกเบี้ยต่ำแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วสวนทางกับสกุลเงินที่มีดอกเบี้ยสูง ซึ่งอ่อนค่าลง ส่งผลให้นักลงทุนที่ทำ Carry Trade ต้องพบปัญหาจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนได้ครับ
4. ความเสี่ยงจากการใช้ Leverage สูงเกินไป
- การใช้ Leverage ที่สูงเกินไปเพื่อหวังจะเพิ่มผลตอบแทนจากการ Carry Trade อาจนำไปสู่การขาดทุนที่รุนแรงหากตลาดเคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์และอาจร้ายแรงจนนำไปสู่การเกิด Margin Call ได้
🐶📢 รู้หรือไม่ครับว่า ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองสกุลเงินมักอยู่ที่ประมาณ 2-5% ต่อปี ซึ่งถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น เทรดเดอร์จึงมักนิยมใช้ Leverage ควบคู่ไปกับการ Carry Trade เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
ข้อดีและข้อเสียของ Carry Trade
Carry Trade ในโบรกเกอร์เดียวกัน
ข้อดี | ข้อเสีย |
สามารถโอนเงินจากบัญชีที่บวกมาบัญชีที่ลบได้สะดวก | ถ้านโยบายของโบรกเกอร์เปลี่ยนไป อาจจะไม่ได้รับการอนุมัติถอนเงิน |
Carry Trade ข้ามโบรกเกอร์
ข้อดี | ข้อเสีย |
หมดปัญหาเรื่องข้ออ้างของโบรกเกอร์ในการถอนเงิน | เกิดความยุ่งยากในการถอนจากบัญชีโบรกเกอร์ที่บวกมาใส่บัญชีโบรกเกอร์ที่ลบ |
………………….🐶………………….
รู้หรือไม่? สินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมในการทำ Carry Trade มากที่สุด คือ “ทองคำ (Gold)” โดยเราเรียกกลยุทธ์นี้ว่า “Gold Carry Trade”
. . . . . . . . . . . . . . .
Gold Carry Trade คืออะไร?
ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นิยมเทรด เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างมากเช่นกัน ซึ่งจะเรียกว่า “Gold Carry Trade” โดยจะเป็นการเทรดทองคำในรูปแบบ CFD ด้วยการเทรดแบบ Hedging เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา เนื่องจาก Gold Carry Trade เป็นการทำกำไรจากส่วนต่างของค่า Swap ดังนั้น เทรดเดอร์จะต้องทำการเปิดบัญชีกับ 2 โบรกเกอร์ขึ้นไป เพื่อเปรียบเทียบและใช้ประโยชน์จากค่า Swap ที่แตกต่างกันนั่นเอง
Gold Carry Trade ทำยังไง?
พี่โบ้จะขอยกตัวอย่างการทำ Gold Carry Trade ดังนี้ สมมติพี่โบ้ทำการเปิดออเดอร์ Buy กับโบรกเกอร์หนึ่งที่มีค่า Swap เป็นบวก ขณะเดียวกัน ก็จะทำการเปิดออเดอร์ Sell กับอีกโบรกเกอร์หนึ่งที่ไม่มีค่า Swap หรือ Swap เป็นลบ ในเวลาที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด จากนั้นก็แค่รอเวลาให้ค่า Swap เป็นบวกมากยิ่งขึ้น แล้วจึงทำการปิดออเดอร์ แค่นี้คุณก็จะได้กำไรจากส่วนต่างของค่า Swap ในการเทรดทองจากโบรกเกอร์ที่แตกต่างกันแล้วครับ
การทำ Gold Carry Trade จะนิยมทำในโบรกเกอร์ที่ Free Swap หรือไม่มีค่า Swap ในการเทรดทอง โดยจับคู่กับโบรกเกอร์ที่มีค่า Swap เป็นบวก ซึ่งการทำแบบนี้เทรดเดอร์จะมีความเสี่ยงในการขาดทุนต่ำ เนื่องจากเป็นการเปิดออเดอร์ในสินทรัพย์เดียวกัน
หมายเหตุ: แต่ละโบรกเกอร์มีเงื่อนไขการใช้งานรวมถึงข้อกำหนดที่แตกต่างกันไป เทรดเดอร์ควรพิจารณาเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจเทรด เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อตัวคุณเองครับ
โบรกเกอร์ Gold Carry Trade หลอกลวง
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “Gold Carry Trade” จากข่าวที่มิจฉาชีพนำการเทรด Forex มาแอบอ้าง ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับกลยุทธ์ที่เราได้กล่าวไปข้างต้น แต่มันไม่ใช่อันเดียวกันนะครับ โดยวิธีการสังเกตมิจฉาชีพเหล่านี้สามารถดูได้จากรายละเอียดเหล่านี้
- โบรกเกอร์ไม่มีใบอนุญาต
- ค่า Spread สูงมาก
- เว็บไซต์โบรกเกอร์ให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่ไม่ชัดเจน
- ตอนนี้ได้ปิดเว็บไซต์ไปแล้ว
- มีผู้เสียหายมากมายร้องเรียนให้ตำรวจไซเบอร์ เร่งตามตัวเจ้าของโบรกเกอร์
นอกจากนี้ ในเว็บไซต์กระทู้ชื่อดังอย่าง Pantip ได้มีผู้เสียหายเข้ามาร่วมพูดคุย และรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้เจ้าของโบรกเกอร์ Gold Carry Trade ออกมารับผิดชอบ รวมถึงมีการตั้งกลุ่มใน Meta (Facebook) สำหรับติดตามข่าวสารความคืบหน้าของคดีนี้
กระทู้โบรกเกอร์ Gold Carry Trade หลอกลวง แชร์ลูกโซ่ Forex Pantip พันทิป

ที่มาข้อมูลจาก: Pantip
………………….🐶………………….
สรุป Carry Trade คืออะไร ใช้ได้จริงไหม
Carry Trade คือ วิธีการทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินสองสกุล ดังนั้น กลยุทธ์ Carry Trade ก็เปรียบเหมือนการอุดรอยรั่ว แม้จะสามารถสร้างผลตอบแทนมาชดเชยส่วนที่เสียหายไปได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงซะทีเดียว ยกตัวอย่างจากสถานการณ์ Yen Carry Trade ที่ทำให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เราไม่สามารถคาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดได้อย่างแม่นยำเสมอไป
อยากให้มองว่า กลยุทธ์ Carry Trade สามารถใช้ได้จริงและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีในบางช่วงเวลาเท่านั้น แต่ไม่ใช่กลยุทธ์ที่เหมาะกับทุกคนและทุกสถานการณ์เสมอไป เพราะต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ รวมถึงความเข้าใจในตลาด
พี่โบ้จึงอยากให้คุณศึกษาความเสี่ยงและวางแผนการลงทุนให้ดี รวมถึงศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อสินทรัพย์ก่อนเริ่มทำการลงทุนครับ เพราะการมีความรู้และการเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการลงทุนระยะยาวครับ
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม: สาระน่ารู้
พูดคุยและติดตาม Real Time: Facebook Page