เจาะลึก! Apple ที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี สายออมหุ้นห้ามพลาด

Table of Contents
Apple

‘ Apple ‘ หุ้นเทคโนโลยีในไม่กี่ตัวที่ Warren Buffet เลือกถือระยะยาว

คงไม่มีใครไม่รู้จัก Apple บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ผู้เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกอย่าง Iphone หรือผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น Ipad, Airpods และ Imac ซึ่งหากคิดในแง่ของนักลงทุน การที่บริษัทได้ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดสูงขนาดนี้ย่อมเป็นผลดีต่อราคาหุ้นและความมั่นคงของบริษัท ดังนั้น หุ้น Apple จึงเป็นหุ้นที่น่าสนใจ นักวิเคราะห์บางกลุ่มถึงกับกล่าวว่า “แม้ไม่ได้ครอบครอง แต่แค่ได้ศึกษาก็คุ้มแล้ว” เนื่องจากหลักการทำงานของบริษัทเป็นการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยตนเองทั้งหมด ตั้งแต่ฮาร์ดแวร์ โปรแกรมรันฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์หรือแอพพลิเคชั่นที่เราใช้ ไปจนถึงการให้บริการต่าง ๆ

ในแต่ละปี Apple จะมีผลิตภัณฑ์ออกมาใหม่ให้ตลาดได้ตื่นเต้นอยู่เสมอ แต่ที่น่าสนใจที่สุด คือ ราคาที่ปรับขึ้นทุกปี แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มจะใช้งานน้อยลงเลยอาจเนื่องมาจาก 6 ปัจจัยหลัก ได้แก่

  1. ความเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และความ Hi-end โดยบริษัทมีการออกแบบขึ้นมาใหม่เองทั้งระบบรวมไปถึงไมโครชิป ซึ่งแตกต่างจากบริษัทอื่น ๆ ที่ยังมีการใช้ระบบของ Google อีกทั้ง ความเป็น Luxury ในเทคโนโลยียิ่งทำให้เป็นที่ต้องการในหลายกลุ่ม
  2. การใช้งานที่ง่าย หากใครพึ่งเปลี่ยนมาใช้ระบบของ Apple ครั้งแรก จะสัมผัสได้กับตนเองเลยว่า ใช้งานง่ายกว่าแบรนด์อื่น ๆ มาก และมีการเชื่อมต่อกันในหลาย ๆ อย่างของในผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอง หรือที่เรียกว่า Ecosystem
  3. ระบบมีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก Apple ทำทุกอย่างขึ้นมาเอง ทำให้ระบบมีความแน่นหนามากกว่าระบบอื่น และสามารถแฮ็กได้ยาก
  4. ความเสถียรของระบบ จากการใช้งาน จะสังเกตได้ว่า Apple จะค่อนข้างเร็ว และไม่มีความล่าช้า
  5. การออกฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ไม่ได้เร็วกว่าค่ายอื่นมากนัก แต่สามารถทำออกมาได้ดี และตอบสนองผู้ใช้ได้มากกว่า

ซึ่งสิ่งเหล่านี้มาจากวิสัยทัศน์ของ Steve Jobs ที่เขาต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ทำให้ทางบริษัทสามารถรักษาลูกค้าไว้ได้ จากสถิติในปี 2019-2021 มีเพียง 10% เท่านั้นที่เปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่น

Apple

ในส่วนของรายได้หลักมาจากการขายผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นกำไรแบบ Real Profit เนื่องจากไม่มีการลดราคา และยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงอีกด้วย นอกจากรายได้หลักแล้ว Apple ยังมีรายได้มาจากส่วนที่ให้บริการประมาณ 15% เช่น ค่าโฆษณา, Apple Care, App Store, Apple TV และ Apple Pay โดยจะรวมกันเป็นแพ็คเกจ ซึ่งจะเก็บเงินกับลูกค้าในราคาที่ถูกลง แต่ Apple จะสามารถเก็บเงินจากลูกค้าต่อหัวจำนวนมากขึ้น และหลายคนคงยังไม่ทราบว่า แท้จริงแล้ว Apple ต้องการลดการพึ่งพายอดขายจาก Iphone ด้วยการขายบริการให้สูงขึ้น

สำหรับการเติบโตของบริษัท หากพูดตามความเป็นจริงคงเติบโตอย่างหวือหวาเหมือนกับช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงจากโทรศัพท์แบบปุ่มกดมาเป็นสมาร์ทโฟนไม่ได้ ซึ่งทาง Apple มีการเติบโตเป็นเส้นตรงมาตั้งแต่ปี 2017 และเริ่มก้าวกระโดดขึ้นในปี 2021 แตกต่างจาก Oppo และ Xiaomi ที่มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 30-40% แต่ Apple ก็ยังเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมนี้อยู่ แม้ว่าแบรนด์อื่น ๆ จะมีการเติบโตสูงเช่นกัน โดยในอนาคตคงต้องมาวัดกันว่า แบรนด์ใดจะสามารถกินส่วนแบ่งการตลาด และราคาต่อหน่วยได้มากกว่า

นอกจากนั้น Apple ถือว่ามีอำนาจการต่อรองในตลาดสูงมาก เช่น Google ยังต้องยอมจ่ายเงินและมีการขยับราคาขึ้นทุกปี เพื่อที่จะเป็นหน้า Before ของ Safari ในด้านของลูกค้าที่ถึงแม้ราคาจะสูงขึ้นเท่าใด ลูกค้าก็ยินดีที่จะจ่าย ล่าสุดที่ทาง Apple มีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่มีหัวชาร์จให้มาพร้อมกับเครื่อง ในตอนแรกก็มีกระแสลบแต่ผ่านไปสักพักลูกค้าก็ปรับตัวได้ และยินยอมที่จะซื้อหัวชาร์จแยก สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงอำนาจที่ Apple มีอยู่ในมือ และความน่าเชื่อถือของตัวแบรนด์เอง


อย่างไรก็ตาม หุ้น Apple ถือมีความยั่งยืนในระยะยาวสำหรับใครต้องการที่จะออมหุ้น เช่นเดียวกับ Warren Buffet โดยในช่วงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ได้เข้าช้อนซื้อหุ้น Apple มูลค่าสูงถึง 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะเล็งเห็นข้อได้เปรียบของบริษัทต่อตลาด อีกทั้ง บริษัทยังคงสามารถถือครองเงินสดได้อยู่ในระดับสูง รวมถึงสินค้าต่าง ๆ ของ Apple ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราอีกด้วย


Source: ทีมงาน Traderbobo
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: าระน่ารู้
อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker

 

 

Social Share
Facebook
Twitter