สืบเนื่องมาจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เมื่อคืนนี้ แสดงให้เห็นความพร้อมของ FED ที่จะปรับเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เร็วเเละมากขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวพุ่งสูงอยู่ในเวลานี้ โดยสรุปได้ดังนี้
1. กรรมการ FED ส่วนใหญ่เห็นพ้องกับการทำ Quantitative Tightening (QT) หรือการปรับลดขนาดงบดุล 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค. พร้อมเห็นว่า ขณะนี้เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สูงเกินไป และการชะลอเงินเฟ้อถือเป็นภารกิจสำคัญของ FED อย่างมาก
2. กรรมการ FED หลายคนสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 0.50% เป็นจำนวน 1-2 ครั้งในช่วงการประชุม FED ที่จะถึงนี้ หากแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง
ในด้านของเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่า ณ ขณะนี้จำเป็นต้องดำเนินมาตรการด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 40 ปี เเละยังมีเเนวโน้มสูงที่จะพุ่งสูงกว่าเดิม นอกจากนี้วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อราคาอาหารและพลังงานในตลาดโลก ยังอาจเป็นปัจจัยหนุนของตัวเลขเงินเฟ้ออีกด้วย
เเต่ถือได้ว่า การประชุมในครั้งนี้ค่อนข้างเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจาก 2 วันก่อนทาง Lael Brainard ผู้ว่าการของ FED ได้ออกมาแถลงการเตือนไว้แล้วว่า FED ควรจะเร่งการขึ้นดอกเบี้ยและเร่งการทำ QT โดยควรเริ่มตั้งแต่เดือนหน้านี้เลย
อีกทั้งภาวะเงินเฟ้อที่สูงได้สร้างความกังวลใจให้กับนักลงทุน ส่งผลให้เกิดแรงเทขายครั้งใหญ่ และทำให้ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีสำคัญในตลาดต่างเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงหนัก เนื่องจากกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีจะโดนผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า
✅ อย่างไรก็ตามก่อนที่รายงานประชุม FED จะออกมา ดัชนี Dow Jones ติดลบลงมา -2% และดัชนี Nasdaq -4.5% โดยตลาดหุ้นไม่ได้ปรับตัวลดลงไปมากกว่านี้หลังการประกาศรายงานการประชุม FED
อ้างอิง:
https://edition.cnn.com/2022/04/06/economy/federal-reserve-minutes-interest-rate-hike/index.html
https://thestandard.co/federal-reserve-minutes-interest-rate-hike/