ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 35,000 จุดในวันพุธ (20 เม.ย.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงไอบีเอ็ม และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 100 จุด หลังจากบริษัทเน็ตฟลิกซ์เปิดเผยจำนวนสมาชิกทั่วโลกลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
Dow Jones +0.71%
S&P500 -0.06%
Nasdaq -1.22%
Dow Jones ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 และกลับมายืนที่เหนือระดับ 35,000 จุด ได้อีกครั้ง โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงเมื่อคืนนี้
หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) พุ่งขึ้น 2.66% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 ที่ระดับ 1.33 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.29 ดอลลาร์ เนื่องจากการปรับขึ้นราคาสินค้าได้ช่วยชดเชยผลกระทบจากต้นทุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้น และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการขนส่ง
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ P&G ช่วยหนุนหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มสินค้าผู้บริโภค โดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ดีดขึ้น 0.93%, หุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ พุ่งขึ้น 1.74%, หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล ปรับตัวขึ้น 0.39% เเละหุ้นเป๊ปซี่โค โค พุ่งขึ้น 1.49%
หุ้นไอบีเอ็ม พุ่งขึ้น 7.04% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 1.4 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.38 ดอลลาร์ โดยไอบีเอ็มยืนยันว่า ผลประกอบการของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจระงับการทำธุรกิจในรัสเซีย
หุ้นกลุ่มสายการบิน ยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่ศาลแขวงรัฐฟลอริดามีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งการสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบินและระบบขนส่งสาธารณะ โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 1.24%, หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ปรับตัวขึ้น 1.16%, หุ้นเจ็ตบลู แอร์เวย์ส เพิ่มขึ้น 0.15% เเละหุ้นอลาสก้า แอร์ กรุ๊ป ปรับตัวขึ้น 0.72%
หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สอง โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ปรับตัวขึ้น 0.80%, หุ้นอเมริกัน เรียลตี้ อินเวสเตอร์ส พุ่งขึ้น 4.11% เเละหุ้นอาร์มาดา ฮอฟเฟอร์ พร็อพเพอร์ตีส์ ดีดขึ้น 1.52%
อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 100 จุด หลังจากบริษัทเน็ตฟลิกซ์เปิดเผยจำนวนสมาชิกทั่วโลกลดลง 200,000 รายในไตรมาส 1/2565 ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี และคาดว่า จำนวนสมาชิกอาจจะลดลงมากถึง 2 ล้านรายในไตรมาส 2
รายงานดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ปิดตลาดทรุดตัวลง 35.12% และฉุดหุ้นบริษัทสตรีมมิ่งรายอื่น ๆ ร่วงลงด้วย โดยหุ้นหุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ดิ่งลง 5.56%, หุ้นดิสคัฟเวอร์รี ร่วงลง 6.04% เเละหุ้นสปอติฟาย ดิ่งลง 10.71%
หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ ร่วงลง 3.84% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 ที่ระดับ 15 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 19 เซนต์ อันเนื่องมาจากภาวะตลาดพลังงานที่ผันผวน และปัญหาคอขวดด้านอุปทาน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 2.7% สู่ระดับ 5.77 ล้านยูนิตในเดือน มี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.80 ล้านยูนิต จากระดับ 5.93 ล้านยูนิตในเดือน ก.พ. โดยยอดขายบ้านมือสองได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันพุธ (20 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการเชิงบวกของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป แม้นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน, การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรก็ตาม
Stoxx Europe 600 +0.84%
CAC-40 +1.38%
DAX +1.47%
FTSE 100 +0.37%
ตลาดฟื้นตัวขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงเมื่อวานนี้ แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นมากที่สุด นำโดยหุ้นเอเอสเอ็มแอล โฮลดิ้ง ปรับตัวขึ้น 5.3% หลังจากเปิดเผยยอดขายไตรมาสแรกสูงเกินคาด
หุ้นดานอนของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 5.8% หลังเปิดเผยยอดขายรายไตรมาสขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นและคงเป้าหมายผลประกอบการในปีนี้ ขณะที่หุ้นไฮเนเก้น พุ่งขึ้น 5.2% หลังเปิดเผยยอดขายเบียร์รายไตรมาสเพิ่มขึ้น และยืนยันคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
แต่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง 2.6% สวนทางตลาด โดยหุ้นริโอ ทินโต ร่วง 4.8% หลังรายงานยอดส่งออกสินแร่เหล็กลดลงในไตรมาสแรก และเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ, การล็อกดาวน์ของจีน และสงครามในยูเครน
ข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยในวันพุธบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 30.9% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือน มี.ค. ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบจากสงครามยูเครน