Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเป็นวงกว้าง หลังมีรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ทรุดตัวลงอย่างหนัก สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน จากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น หลังจีนผ่อนคลายข้อจำกัดในการควบคุมโรคโควิด-19
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงเกือบ 500 จุดในวันอังคาร (28 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเป็นวงกว้าง หลังมีรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ทรุดตัวลงอย่างหนัก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจถดถอย
Dow Jones -1.56%
S&P500 -2.01%
Nasdaq -2.98%
ตลาดหุ้นดีดตัวขึ้นขานรับข่าวจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 แต่จากนั้นตลาดร่วงลงสู่แดนลบ หลังจากผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ทรุดตัวลงสู่ระดับ 98.7 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2556 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 100.0 จากระดับ 103.2 ในเดือนพ.ค. โดยผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ เป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
หุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกร่วงลงหลังมีการเปิดเผยผลสำรวจดังกล่าว โดยหุ้นทาร์เก็ต ร่วงลง 3.40%, หุ้นโลว์ส (Lowe’s) ดิ่งลง 5.13%, หุ้นวอลมาร์ท ลดลง 1.38%, หุ้นโฮมดีโปท์ ดิ่งลง 4.41% และหุ้นเบสท์ บาย ร่วงลง 4.56%
หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ลดลง 1.56%, หุ้นโคคา-โคลา ลดลง 0.97%, หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค ลดลง 0.79%, หุ้นราล์ฟ ลอเรน ลดลง 0.99%, หุ้นไนกี้ ดิ่งลง 6.98% และหุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ร่วงลง 5.75%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและบริษัทผลิตชิปดิ่งลงถ้วนหน้า โดยหุ้นแอมะซอน ร่วงลง 5.14%, หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.17%, หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 5.04%, หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 3.3%, หุ้นอินวิเดีย ดิ่งลง 5.26%, หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ทรุดลง 6.24% และหุ้นอินเทล ร่วงลง 2.2%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและกลุ่มกาสิโนดีดตัวขึ้น หลังจากจีนประกาศลดระยะเวลากักตัวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในสถานที่ โดยการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนครเซี่ยงไฮ้และกรุงปักกิ่งประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ หุ้นลาสเวกัส แซนด์ส พุ่งขึ้น 4.04%, หุ้นวินน์ รีสอร์ทส์ พุ่งขึ้น 3.15% และหุ้นเมลโค รีสอร์ท แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ทะยานขึ้น 5.11%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2565 ของสหรัฐฯ ในวันนี้ ซึ่งจะเป็นตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้าย ส่วนในการประมาณการครั้งที่ 1 นั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า GDP หดตัว 1.4% และในการประมาณการครั้งที่ 2 ระบุว่า GDP หดตัว 1.5%
ตลาดหุ้นยุโรป ปรับตัวขึ้นต่อในวันอังคาร (28 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น หลังจีนผ่อนคลายข้อจำกัดในการควบคุมโรคโควิด-19 และหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน
Stoxx Europe 600 +0.27%
CAC-40 +0.64%
DAX +0.35%
FTSE 100 +0.90%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้ว โดยหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ พุ่งขึ้น 2% เนื่องจากซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่นั้น ดูเหมือนไม่มีแนวโน้มที่จะสามารถเพิ่มการผลิตน้ำมันได้อย่างมาก อีกทั้ง ตลาดยังขานรับข่าวที่ว่า รัฐบาลจีนจะลดการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศลงเหลือ 7 วัน
นอกจากนี้ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ในเดือนหน้านั้น ตลาดได้ขานรับความเห็นของนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งระบุว่า จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
หุ้นกลุ่มวัสดุพื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 1.2% โดยราคาสินแร่เหล็กและโลหะพื้นฐานทะยานขึ้น
หุ้นกลุ่มธนาคารที่เน้นทำธุรกิจในเอเชีย เช่น เอชเอสบีซี และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด รวมถึงหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา เช่น หลุยส์วิตตอง และริชมอนต์ ซึ่งพึ่งพารายได้ส่วนใหญ่จากจีนนั้น ปรับตัวขึ้น 0.8-1.5%
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น เช่น หุ้นวาเลโอของฝรั่งเศส ซึ่งพุ่งขึ้น 4% หลังทำสัญญาเพื่อติดตั้งระบบช่วยเหลือในการขับขี่ที่ก้าวล้ำให้กับแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าของบีเอ็มดับบลิว