Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันพุธ (14 ก.ย.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก จากแรงช้อนซื้อหลังจากดัชนี Dow Jones ทรุดตัวลงกว่า 1,200 จุด สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่สูงเกินคาด ซึ่งตอกย้ำว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันพุธ (14 ก.ย.) จากแรงช้อนซื้อหลังจากดัชนี Dow Jones ทรุดตัวลงกว่า 1,200 จุด ในวันอังคาร นอกจากนี้ การชะลอตัวของดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด
Dow Jones +0.10%
S&P500 +0.34%
Nasdaq +0.74%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยลดลง 0.1% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวลง 0.4% ในเดือน ก.ค.
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นสูงที่สุด หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 1% ทำให้หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.29%, หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ทะยานขึ้น 4.79%, หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.40% และหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.49%
หุ้นสตาร์บัคส์ ทะยานขึ้น 5.53% หลังบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรและยอดขายในระยะเวลา 3 ปี
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3.59% ขานรับข่าวประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศอัดฉีดงบประมาณ 900 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนการสร้างสถานีชาร์ตแบตเตอร์รี่รถไฟฟ้า
หุ้นกลุ่มบริษัทรถไฟร่วงลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ประท้วงของคนงานสร้างทางรถไฟ ส่งผลให้ หุ้นยูเนียน แปซิฟิก ร่วงลง 3.74%, หุ้นนอร์ฟอล์ค เซาเทิร์น ดิ่งลง 2.16% และหุ้นซีเอสเอ็กซ์ คอร์ป ร่วงลง 1.05%
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงในวันพุธ (14 ก.ย.) หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่สูงเกินคาด ซึ่งตอกย้ำว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง แต่หุ้นกลุ่มน้ำมันและกลุ่มค้าปลีกมีการซื้อขายที่มากขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น
CAC-40 -0.86%
Stoxx Europe 600 -0.37%
DAX -1.22%
FTSE 100 -1.47%
โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่, กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ร่วงลงถ่วงตลาดมากที่สุด
ส่วนหุ้นรายตัวที่ร่วงลง เช่น หุ้นไอเบอร์โดรลา ลดลง 1.9% หลังตกลงขายหุ้น 49% ในฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งแห่งหนึ่งของเยอรมนีวงเงิน 700 ล้านยูโร (700 ล้านดอลลาร์)
หุ้นคิออน ร่วงลง 29.7% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 ปี หลังเตือนเกี่ยวกับผลกำไร ขณะที่บริษัทเผชิญปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานและต้นทุนที่สูงขึ้น สวนทางกับหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 0.8% ตามราคาน้ำมัน หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่าจะมีการเปลี่ยนไปใช้น้ำมันแทนก๊าซมากขึ้นในฤดูหนาวนี้ เนื่องจากราคาก๊าซพุ่งสูง
และหุ้นกลุ่มค้าปลีก พุ่งขึ้น 0.8% ด้วย โดยได้แรงหนุนจากหุ้นอินดิเทกซ์ เจ้าของแบรนด์ซาร่า ซึ่งพุ่งขึ้น 3.8% หลังรายงานยอดขายรอบ 6 เดือนพุ่งขึ้น 24.5% และกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อน