Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันพฤหัสบดี (15 ก.ย.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความกังวลว่า ธนาคารกลางทั่วโลกจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงขึ้น และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอย ซึ่งหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงมากที่สุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพฤหัสบดี (15 ก.ย.) จากความกังวลว่า ธนาคารกลางทั่วโลกจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงขึ้น อีกทั้ง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอย
Dow Jones -0.56%
S&P500 -1.13%
Nasdaq -1.43%
ข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 20% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%
นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลที่แข็งแกร่งหลายรายการเมื่อคืนนี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัว หลังจากที่ลดลง 0.4% ในเดือน ก.ค. ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 226,000 ราย ยิ่งตอกย้ำถึงการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.89%, หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ดิ่งลง 1.27%, หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 1.77%, หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.71% และหุ้นอัลฟาเฟท ดิ่งลง 1.99%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 3% โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 3.29%, หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.83%, หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.62% และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 2.91%
หุ้นอะโดบี (Adobe) ทรุดตัวลง 16.79% หลังจากอะโดบีประกาศซื้อกิจการฟิกม่า (Figma) ในวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์
แต่หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นสวนทางตลาด เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 1.44%, หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดีดขึ้น 1.24% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 1.33%
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (15 ก.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกกับภาวะเงินเฟ้อที่ระดับสูง และแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง
CAC-40 -0.65%
Stoxx Europe 600 -1.04%
DAX -0.55%
FTSE 100 +0.07%
ตลาดยังคงถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ระดับสูงในสหรัฐฯ และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในสัปดาห์หน้า ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เช่นกันในเดือนนี้ และส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วง 1.8% และดึงดัชนี STOXX 600 ลงมากที่สุด โดยนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มนี้ เนื่องจากคาดว่าภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง จะกดดันผลประกอบการในอนาคตของหุ้นกลุ่มนี้
แต่หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรป ปรับตัวขึ้น 1.7% สวนทางตลาด โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยระบุว่า ราคาหุ้นยังคงต่ำกว่ามูลค่า และผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว
ในส่วนของหุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง เช่น หุ้นเอชแอนด์เอ็ม (H&M) ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าแฟชั่นของสวีเดน ร่วงลง 4.7% หลังเปิดเผยยอดขายรายไตรมาสที่ต่ำกว่าคาด เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง ท่ามกลางภาวะราคาพลังงานและอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น และเอชแอนด์เอ็มยังเผชิญกับความยากลำบากในการแข่งขันกับซาร่า ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งด้วย