ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันอังคาร (15 ก.พ.) โดยนักลงทุนได้กลับเข้าซื้อหุ้นเนื่องจากคลายความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังมีรายงานข่าวว่ารัสเซียได้ถอนทหารบางส่วนออกจากพื้นที่ชายแดนที่ติดกับยูเครน
Dow Jones +1.22%
S&P500 +1.58%
Nasdaq +2.53%
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นมากที่สุด 2.7% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1.4% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง
การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นเรสเตอรอง แบรนด์ อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้น 3.6% หลังเปิดเผยผลกำไรและรายได้รายไตรมาสสูงเกินคาด, หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้น 5.8% หลังเปิดเผยอัตราการจองห้องพักเพิ่มขึ้นเกินคาด และหุ้นอริสตา เน็ตเวิร์ค ซึ่งทำธุรกิจโครงสร้างระบบคลาวด์ พุ่งขึ้น 5.8% หลังคาดการณ์รายได้ไตรมาสปัจจุบันดีเกินคาด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังปรับตัวรับการคาดการณ์ในตลาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค.
อีกทั้ง ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (15 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่าทหารรัสเซียบางส่วนที่ประจำการอยู่ใกล้ชายแดนที่ติดกับยูเครนได้เดินทางกลับฐานทัพในประเทศ นอกจากนี้ การเปิดเผยรายงานแนวโน้มธุรกิจเชิงบวกของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายด้วย
Stoxx Europe 600 +1.43%
CAC-40 +1.86%
DAX +1.98%
FTSE 100 +1.03%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์นำตลาดปรับตัวขึ้น โดยหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า พุ่ง 5.8% หลังรายงานแนวโน้มธุรกิจเชิงบวกจากการทดลองขั้นสุดท้ายสำหรับการรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก