ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน รวมทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการที่รัสเซียถูกนานาประเทศคว่ำบาตรฐานใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน ขณะเดียวกัน Doe Jones ร่วงลงกว่า 400 จุดในช่วงเช้านี้ หลังมีรายงานว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) ในยูเครนเกิดเพลิงไหม้ หลังจากกองกำลังทหารของรัสเซียได้เข้าโจมตีในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับหายนะที่เกิดจากนิวเคลียร์
Dow Jones -0.29%
S&P500 -0.53%
Nasdaq -1.56%
รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Baird ในรัฐเคนตักกีกล่าวว่า ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และคาดว่าตลาดจะยังคงผันผวนต่อไปในระยะใกล้จนถึงระยะกลาง โดยขณะนี้การสู้รบระหว่างกองทัพรัสเซียและยูเครนได้ย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แล้ว และมีรายงานว่าทหารรัสเซียและพลเรือนชาวยูเครนเสียชีวิตหลายร้อยคน ในขณะที่รัสเซียเองก็ถูกนานาประเทศโดดเดี่ยวมากขึ้น
ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้แสดงความกังวลว่า การที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนอาจส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯ ในหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น และกดดันการใช้จ่ายและการลงทุน
ด้านของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะราคาพลังงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรูปของเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้น นอกจากนี้ ความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงก็ได้ลดลง ซึ่งได้กระทบต่อการลงทุน ขณะที่ประชาชนชะลอการใช้จ่าย”
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 2.55% ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน ดัชนีหุ้นเติบโต (Growth Index) ร่วงลง 1.1% และดัชนีหุ้นคุณค่า (Value Index) ปรับตัวขึ้น 0.1% อีกทั้งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งจัดอยู่ในหุ้นเติบโตร่วงลง นำโดยหุ้นเทสลา ดิ่งลง 4.61% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 2.73% หุ้นเมตาแพลตฟอร์มส ร่วงลง 2.47% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.42% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.15%
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียกดดันบรรยากาศการซื้อขายหุ้น แม้การทะยานขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ก็ตาม เเต่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในยุโรปซึ่งหลายประเทศต้องพึ่งพาก๊าซจากรัสเซีย
Stoxx Europe 600 -2.01%
CAC-40 -1.84%
DAX -2.16%
FTSE 100 -2.57%
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการนำตลาดร่วงลง แต่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น 0.6% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากราคาโลหะพุ่งแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่จากความวิตกว่า การคว่ำบาตรรัสเซียหลังบุกยูเครนนั้น จะส่งผลกระทบต่ออุปทานโลหะ
ราคาน้ำมันดิบที่ผันผวนส่งผลถ่วงหุ้นน้ำมัน ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตยูเครน โดยหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซของยุโรปร่วง 3.8% จากระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงด้วย เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในรัสเซีย และคาดว่ามีโอกาสน้อยลงที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นธนาคารโซซิเอเต้ เจเนเรลของฝรั่งเศสร่วงลง 0.8% หลังเตือนว่ารัสเซียอาจสั่งปิดสาขาของธนาคาร ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนในรัสเซียราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในธนาคารต่างชาติใหญ่ที่สุดในรัสเซีย นอกจากนี้หุ้นสายการบินลุฟท์ฮันซ่าของเยอรมนี ร่วง 8.2% หลังเปิดเผยว่าไม่สามารถคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนจากสงครามในยูเครนและโรคระบาด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย
ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 56.5 ในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 61.0 หลังจากแตะระดับ 59.9 ในเดือน ม.ค.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 415,000 ตำแหน่ง