Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันอังคาร (16 ส.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดบวก เนื่องจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทค้าปลีก ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลมากขึ้นกับตลาดหุ้น นำโดยหุ้นกลุ่มปลอดภัย และกลุ่มเหมืองแร่
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งในวันอังคาร (16 ส.ค.) เนื่องจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทค้าปลีก ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลมากขึ้นกับตลาดหุ้น
Dow Jones +0.71%
S&P500 +0.19%
Nasdaq -0.19%
นอกจากนั้น ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะบรรลุเป้าหมายการควบคุมเงินเฟ้อ โดยการดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี
หุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกพุ่งขึ้น โดยหุ้นทาร์เก็ต พุ่งขึ้น 4.57%, หุ้นโลว์ส (Lowe’s) พุ่งขึ้น 2.92%, หุ้นวอลมาร์ท ทะยานขึ้น 5.11%, หุ้นโฮม ดีโปท์ พุ่งขึ้น 4.07% และหุ้นเบสท์ บาย พุ่งขึ้น 4.35%
หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) บวก 0.92%, หุ้นโคคา-โคลา เพิ่มขึ้น 0.82%, หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค ดีดขึ้น 0.69%, หุ้นราล์ฟ ลอเรน พุ่งขึ้น 2.43% และหุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 1.5%
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.26%, หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ปรับตัวลง 0.79%, หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.37% และหุ้นอัลฟาเบท ลดลง 0.31%
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 26-27 ก.ค. ในวันพุธ ตามเวลาสหรัฐฯ หรือในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี ตามเวลาไทย
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันอังคาร (16 ส.ค.) โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มปลอดภัย และกลุ่มเหมืองแร่
Stoxx Europe 600 +0.16%
CAC-40 +0.34%
DAX +0.68%
FTSE 100 +0.36%
ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวอยู่ใกล้ระดับสูงสุดที่ทำไว้ในสัปดาห์นี้ แม้จีนและสหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และมีความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันของปริมาณก๊าซในเยอรมนี
นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้น 3.2% โดยได้แรงหนุนจากหุ้นบีเอชพี กรุ๊ป ของอังกฤษ ที่ทะยานขึ้น 5.5% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส
หุ้นกลุ่มเทเลคอมและกลุ่มสาธารณูปโภค ซึ่งถือเป็นหุ้นกลุ่มปลอดภัยท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนนั้น ปรับตัวขึ้นด้วย
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น เช่น หุ้นดีลิเวอรี ฮีโร ซึ่งเป็นบริษัทบริการรับสั่งอาหารออนไลน์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 5.4% หลังคาดการณ์ยอดขายทั้งหมดในไตรมาส 3 ขยายตัว 7%
ส่วนหุ้นที่ปรับตัวลง เช่น หุ้นแพนดอร่า บริษัทผลิตเครื่องประดับของเดนมาร์ก ร่วงลง 6.1% หลังเปิดเผยยอดขายไตรมาส 2 ที่น่าผิดหวังในตลาดสหรัฐฯ