Market Watch จับตาดูโลก ประจำวันที่ 20 เมษายน 2565

Table of Contents

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดในวันอังคาร (19 เม.ย.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการแสดงความเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)

Dow Jones +1.45%

S&P500 +1.61%

Nasdaq +2.15%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากที่นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา และนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% จำนวนสองครั้ง สู่ระดับ 2.25%-2.50% ในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่ากรอบที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.50%-2.75% นอกจากนี้ยังไม่เห็นความจำเป็นที่เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่านั้น

ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 ที่ระดับ 2.67 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.58 ดอลลาร์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปิดตลาดพุ่งขึ้น 3.05%

ทำให้หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.18% ขณะที่หุ้นไอบีเอ็ม ดีดตัวขึ้น 2.43% ก่อนที่บริษัททั้งสองแห่งจะเปิดเผยผลประกอบการภายหลังจากตลาดปิดทำการซื้อขาย

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.07%, หุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 1.84%, หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 1.77% เเละหุ้นเวลส์ ฟาร์กโก ปรับตัวขึ้น 1.4%

หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น หลังจากศาลแขวงรัฐฟลอริดามีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งการสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบินและระบบขนส่งสาธารณะ โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 5.66%, หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 4.05%, หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 2.11%, หุ้นเจ็ตบลู แอร์เวย์ส พุ่งขึ้น 2.92% เเละหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 2.36%

สวนทางกับห้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 5% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.85%, หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.89%, หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 0.79% เเละหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.18%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน มี.ค. สู่ระดับ 1.793 ล้านยูนิต สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลงสู่ระดับ 1.745 ล้านยูนิต จากระดับ 1.788 ล้านยูนิตในเดือน ก.พ.

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงในวันอังคาร (19 เม.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความวิตกเกี่ยวกับสงครามในยูเครน และการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ทำให้นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น แต่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด แม้ราคาน้ำมันร่วงลงก็ตาม

Stoxx Europe 600 -0.77%

CAC-40 -0.83%

DAX -0.07%

FTSE 100 -0.07%

หุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลง นำโดยหุ้นกลุ่มปลอดภัย เช่น กลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยตลาดวิตกกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในยุโรปและสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นในวันอังคารจากการคาดการณ์นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลงเกือบ 1% เนื่องจากรัสเซียยังคงเดินหน้าทำสงครามในยูเครน แต่ตลาดปิดเหนือระดับต่ำสุดของวัน เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 0.5% แม้ราคาน้ำมันดิบร่วงลง 5% ก็ตาม

ในส่วนของการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทฮัลลิเบอร์ตันของสหรัฐฯ ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานของยุโรปด้วย โดยหุ้นโททาลเอ็นเนอจีส์, หุ้นบีพี และหุ้นเชลล์ ปรับตัวขึ้น 0.4-1.6%

นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของยุโรปในสัปดาห์นี้ เช่น แอคคอร์ และลอรีอัล

Social Share
Facebook
Twitter