ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (21 เม.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือน พ.ค. ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
Dow Jones -1.05%
S&P500 -1.48%
Nasdaq -2.07%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 300 จุด ขานรับข้อมูลแรงงานและผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเทสลา และอเมริกัน แอร์ไลน์ แต่หลังจากที่นายพาวเวลส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดัชนี Dow Jones และดัชนี Nasdaq ก็ร่วงลงทันที
ทั้งนี้ นายพาวเวลได้กล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยเศรษฐกิจโลกในการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย โดยระบุว่า “การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อถือเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม และมีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือน พ.ค. นี้”
ทำให้หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 3.1% โดยหุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 4.64%, หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 3.9%, หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 1.06% เเละหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 1.67%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ดิ่งลง 2.41% โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ร่วงลง 6.16%, หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 3.7%, หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.94%, หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.52% เเละหุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 2.52%
อย่างไรก็ดี หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3.23% ปิดที่ระดับ 1,008.78 ดอลลาร์ หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 3.22 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.26 ดอลลาร์
หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 3.8% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1/2565 ที่ระดับ 8.90 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 8.82 พันล้านดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 184,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยตัวเลขดังกล่าวยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับบริษัทจดทะเบียนเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส ขณะที่ยังคงจับตาสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
Stoxx Europe 600 +0.32%
CAC-40 +1.36%
DAX +0.98%
FTSE 100 -0.02%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมนำตลาดปรับตัวขึ้น 1.9% ขณะที่ตลาดหุ้นในยุโรปและกลุ่มหุ้นส่วนใหญ่ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการที่บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาด
หุ้นไรอันแอร์ พุ่งขึ้น 5.09% หลังได้แรงหนุนจากการที่สายการบินสหรัฐฯ อาทิ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ และอเมริกัน แอร์ไลน์ คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการที่สดใส
หุ้นหลุยส์วิตตอง ปรับตัวขึ้น 1.7% หลังนายเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ซีอีโอเปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในปีนี้เป็นไปด้วยดี
ด้านตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงมีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามในยูเครน ขณะที่มีรายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเดินทางไปยังกรุงมอสโกเพื่อเจรจาโดยตรงกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เพื่อยุติสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย