ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงอย่างหนักในวันศุกร์ (22 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากการที่บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ มีผลประกอบการที่อ่อนแอกว่าคาด และนักลงทุนวิตกว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
Dow Jones -2.82%
S&P500 -2.77%
Nasdaq -2.55%
เมื่อสัปดาห์ที่เเล้วดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งการร่วงลงในวันศุกร์เป็นการร่วงที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2563
นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (21 เม.ย.) ว่า เขาสนับสนุนให้เฟดดำเนินการเร็วขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ และระบุว่า มีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือน พ.ค. ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือน พ.ค. และ มิ.ย.
ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้นในวันศุกร์ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.
อีกทั้ง การคาดการณ์ผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทในกลุ่มเฮลท์แคร์กดดันตลาดลงด้วย โดยหุ้นเอชซีเอ เฮลท์แคร์ และหุ้นอินติวทีฟ เซอร์จิคอล อิงค์ ปรับตัวลงมากที่สุดในดัชนี S&P500
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวลง โดยกลุ่มวัสดุ ร่วง 3.7% และกลุ่มเฮลท์แคร์ ร่วง 3.6%
หุ้นฟรีพอร์ต-แมคโมแรน อิงค์ ร่วง 6.8% เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อเหมืองทองแดง
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในวันศุกร์ด้วย โดยเอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.1 ในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 57.7 ในเดือน มี.ค.
ส่วนในสัปดาห์หน้า ตลาดจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ที่สุด 4 แห่งของสหรัฐฯ ได้แก่ แอปเปิล, ไมโครซอฟท์, แอมะซอน และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดร่วงลงในวันศุกร์ (22 เม.ย.) ที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยถูกกดดันจากปัจจัยลบต่าง ๆ เช่น การล็อกดาวน์เพื่อคุมโรคโควิด-19 ในจีน และความวิตกเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายหุ้นทั่วโลก
Stoxx Europe 600 -1.79%
CAC-40 -1.99%
DAX -2.48%
FTSE 100 -1.39%
โดยตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ, อังกฤษ และยูโรโซน เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ เนื่องจากจะถ่วงการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ร่วงลง 3.6% เช่น หุ้นเกล็นคอร์ และริโอ ทินโต หลังจากราคาโลหะได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในจีน นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน และการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าคาดในเดือน มี.ค. ได้ส่งผลกดดันหุ้นค้าปลีก ร่วงลง 3.7%
นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนถ่วงตลาดลงด้วย โดยหุ้นเคอริงของฝรั่งเศส ร่วง 4.3% หลังเปิดเผยยอดขายลดลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในจีน
ส่งผลให้หุ้นเอ็สอาเพของเยอรมนี ร่วง 2.0% หลังรายได้ถูกกระทบ 300 ล้านยูโร (325.26 ล้านดอลลาร์) จากการถอนธุรกิจออกจากรัสเซีย