Market Watch จับตาดูโลก ประจำวันที่ 25 พฤษภาคม 2565

Table of Contents

Market Watch จับตาดูโลก

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันอังคาร (24 พ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดร่วงลงหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และบริษัทจดทะเบียนบางแห่งได้ปรับลดแนวโน้มผลประกอบการ นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้ออาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย

Dow Jones +0.15%

S&P500 -0.81%

Nasdaq -2.35%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 16.6% สู่ระดับ 591,000 ยูนิตในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 750,000 ยูนิต จากระดับ 709,000 ยูนิตในเดือน มี.ค.

ทางด้านเอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือน พ.ค. ของสหรัฐฯ ร่วงลงสู่ระดับ 57.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 59.2 ในเดือน เม.ย. และดัชนี PMI ภาคบริการดิ่งลงสู่ระดับ 53.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 55.6 ในเดือน เม.ย.

ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่บริษัทสแนป ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันสแนปแชท (Snapchat) ระบุว่า บริษัทอาจพลาดเป้าหมายทั้งในด้านรายได้ และกำไรในไตรมาสปัจจุบัน พร้อมกับเตือนว่า ทางบริษัทอาจชะลอการจ้างงานไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย

ข่าวดังกล่าวได้ฉุดราคาหุ้นสแนป และหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ร่วงลงอย่างรุนแรง โดยหุ้นสแนปทรุดตัวลง 43.08%, หุ้นพินเทอเรสต์ ดิ่งลง 23.64%, หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 7.62%, หุ้นทวิตเตอร์ ดิ่งลง 5.52%, หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 4.95% เเละหุ้นแอมะซอน ร่วงลง 3.21%

หุ้นอเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ (Abercrombie & Fitch) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ร่วงลง 28.58% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 27 เซนต์ ซึ่งสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8 เซนต์ ขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของรายได้ในปีงบการเงิน 2565 ลงเหลือ 2% จากเดิม 4%

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า การที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย โดยนักลงทุนจับตารายงานการประชุมเดือน พ.ค. ของเฟดในวันพุธนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาทิศทางอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) ของเฟด

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือน มิ.ย. และ ก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงในวันอังคาร (24 พ.ค.) โดยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง และการคุมเข้มนโยบายการเงิน

Stoxx Europe 600 -1.14%

CAC-40 -1.66%

DAX -1.80%

FTSE 100 -0.39%

ตลาดถูกกดดัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังเอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.9 ในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.8 ในเดือน เม.ย. ส่งผลให้หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวลง โดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มค้าปลีกร่วงลงนำตลาด

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วงลง 2.7% ตามทิศทางหุ้นนิวยอร์ก หลังบริษัทสแนป ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันสแนปแชท (Snapchat) ระบุว่า บริษัทอาจพลาดเป้าหมายทั้งในด้านรายได้และกำไรในไตรมาสปัจจุบัน พร้อมกับเตือนว่า ทางบริษัทอาจชะลอการจ้างงานไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย

หุ้นกลุ่มโซเชียลมีเดียรายใหญ่อื่น ๆ ปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นสแนปที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นแฟรงค์เฟิร์ต ร่วง 44.6%

นอกจากนี้ ความวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น, ความขัดแย้งของรัสเซีย-ยูเครน และการควบคุมโรคโควิด-19 ในจีน ล้วนเป็นปัจจัยที่ยังคงกดดันตลาด

หุ้นเทเล2 (Tele2) ร่วงลง 7.9% หลังคินเนวิก (Kinnevik) ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนเทขายหุ้น 7.2% ในเทเล2

ส่วนหุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 3.2% สวนทางตลาด หลังเริ่มโครงการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 1 พันล้านปอนด์

Social Share
Facebook
Twitter