Market Watch จับตาดูโลก ประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2565

Table of Contents

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงในวันอังคาร (31 พ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากความผันผวนของราคาน้ำมัน รวมทั้งการที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทุกเดือนจนกว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง

Dow Jones -0.67%

S&P500 -0..63%

Nasdaq -0.41%

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของราคาน้ำมัน WTI โดยในช่วงแรกราคาน้ำมันพุ่งขึ้นขานรับข่าวสหภาพยุโรป (EU) ระงับการนำเข้าน้ำมันบางส่วนจากรัสเซีย แต่ราคาน้ำมันร่วงลงในเวลาต่อมา หลังมีรายงานว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะระงับการมีส่วนร่วมของรัสเซียในข้อตกลงด้านการผลิตของโอเปกพลัส

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดแสดงความเห็นว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่รุนแรงขึ้นและรวดเร็วมากขึ้น หากอัตราเงินเฟ้อยังไม่มีแนวโน้มชะลอตัวลง พร้อมกับแนะนำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทุก ๆ ครั้ง นับตั้งแต่การประชุมเดือน มิ.ย. จนกว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้

ไมค์ วิลสัน นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่า การแสดงความเห็นของนายวอลเลอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่มีสิทธิ์ออกเสียงในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดนั้น ทำให้ตลาดมีความกังวลว่า การพุ่งขึ้นของเงินเฟ้ออาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1.65% โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.03%, หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 1.63%, หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.91% เเละหุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ทรุดลง 4.32%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มวัสดุ ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฮันนีเวลล์ ร่วงลง 1.39%, หุ้นโบอิ้ง ลดลง 0.62%, หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ลดลง 0.59%, หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 1.44% เเละหุ้นนูคอร์ ดิ่งลง 3.81%

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวลง 0.86%, หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ร่วงลง 1.13%, หุ้นโมเดอร์นา ร่วงลง 1.58% และหุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 1.61%

อย่างไรก็ดี หุ้นบริษัทเทคโนโลยีและการสื่อสารบางรายดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.29%, หุ้นแอมะซอน ทะยานขึ้น 4.4% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.15%

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงแตะระดับต่ำสุดของวันอังคาร (31 พ.ค.) หลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อในยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือน พ.ค. นั้น กระตุ้นให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น

Stoxx Europe 600 -0.72%

CAC-40 -1.43%

DAX -1.29%

FTSE 100 +0.10%

เงินเฟ้อในยูโรโซนที่ประกอบด้วย 19 ประเทศ พุ่งขึ้นแตะ 8.1% ในเดือน พ.ค. จาก 7.4% ในเดือน เม.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 7.7% ขณะที่การขยายตัวของราคาสินค้าเป็นไปในวงกว้าง ไม่ใช่แค่เฉพาะราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นอีกต่อไป

หุ้นกลุ่มธนาคาร ร่วงลง 1.6% เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

นักลงทุนจะจับตาอย่างใกล้ชิดกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ด้านจุดยืนของ ECB ในการประชุมสัปดาห์หน้า ซึ่ง ECB ได้ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0% หรือมากกว่าภายในเดือน ก.ย.

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในเดือน พ.ค. โดยยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลาง, ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดของจีน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นแตะระดับ 123 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากยุโรปยืนยันที่จะลดการนำเข้าน้ำมันส่วนใหญ่ของรัสเซีย ซึ่งเป็นการคว่ำบาตรรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเมื่อ 3 เดือนก่อน

▪นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยในวันพฤหัสบดีจะเป็นการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน พ.ค.จาก ADP และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์จากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ส่วนในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน พ.ค.

▪ นอกจากนี้ นักลงทุนรอดูรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด หรือ Beige Book ในวันพุธนี้ตามเวลาสหรัฐฯ หรือในช่วงเช้าตรู่วันของพฤหัสบดีตามเวลาไทย เพื่อประเมินมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ

Social Share
Facebook
Twitter