Market Watch จับตาดูโลก ประจำวันที่ 30 มิถุนายน 2565

Table of Contents

Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ หลัง FED ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเล็กน้อยในวันพุธ (29 มิ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงก็ตาม

Dow Jones +0.27%

S&P500 -0.07%

Nasdaq -0.03%

นายพาวเวลกล่าวในการประชุมประจำปีของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งจัดขึ้นที่โปรตุเกสเมื่อวานนี้ว่า “เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มี เพื่อทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลง ซึ่งการกระทำดังกล่าวคือ การลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ” ถ้อยแถลงของนายพาวเวลส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยล่าสุดทีมนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะถดถอยในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากการหดตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

หุ้น 5 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุดหลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงเกือบ 2% ทั้งนี้ หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ร่วงลง 1.46%, หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 3.04%, หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 3.96%, หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.69% และหุ้นเชฟรอน ลดลง 2.01%

หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ทรุดตัวลง 23.58% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1 และประกาศปลดนายมาร์ค ทริตทัน ออกจากตำแหน่งซีอีโอ

หุ้นเฟดเอ็กซ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการจัดส่งบรรจุภัณฑ์ ร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส พุ่งขึ้น 1.98%, หุ้นอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) พุ่งขึ้น 1.69%, หุ้นจีเลียด ปรับตัวขึ้น 0.43%, หุ้นโมเดอร์นา บวก 0.44% และหุ้นไฟเซอร์ ดีดขึ้น 0.55%

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย. จากเอสแอนด์พี โกลบอล และดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM)

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดปรับตัวลงในวันพุธ (29 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น หลังประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) และประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ

Stoxx Europe 600 -0.67%

CAC-40 -0.90%

DAX -1.73%

FTSE 100 -0.15%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังบวกขึ้น 3 วันติดต่อกัน โดยหุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุดนั้น นำโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มรถยนต์ ซึ่งร่วงลง 3.5% และ 2.6% ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงด้วย

ดัชนี STOXX 600 ร่วงลง 15% แล้วในปีนี้ และมีแนวโน้มปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในไตรมาสนี้ นับตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาดในปี 2563 โดยถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน, เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

หุ้นรายตัวที่ร่วงลงอย่างหนัก เช่น หุ้นจัสต์ อีต เทคอะเวย์ดอทคอม ดิ่งลง 16.5% ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการขายกิจการกรับฮับ (Grubhub) ในสหรัฐฯ และบริษัทจะสามารถทำกำไรโดยไม่ต้องเพิ่มทุนได้หรือไม่

ส่วนหุ้นเอชแอนด์เอ็ม (H&M) พุ่งขึ้น 2.2% สวนทางตลาด หลังรายงานผลกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 33% ซึ่งสูงกว่าคาด

Social Share
Facebook
Twitter