Market Watch จับตาดูโลก วันที่ 16 สิงหาคม 2565

Table of Contents

Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันจันทร์ (15 ส.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดบวก โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า FED จะประสบความสำเร็จในการควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวลง ขณะที่สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้นักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันจันทร์ (15 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะประสบความสำเร็จในการควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวลง

Dow Jones +0.45%

S&P500 +0.40%

Nasdaq +0.62%

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นร่วงลง หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือน ก.ค. และจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่เหนือความคาดหมาย และสะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารกลางจีนมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศ

จากนั้น ตลาดดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา ท่ามกลางความหวังที่ว่า เฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ตามเป้าหมายโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวลง ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 26-27 ก.ค. ในวันพุธนี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ย หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังคงสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้มีสัญญาณว่า เงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่ม ที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยหุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล พุ่งขึ้น 1.29%, หุ้นโคคา-โคลา บวก 1.26%, หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค บวก 0.69% และหุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้น 1.77%

หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นพีจีแอนด์อี พุ่งขึ้น 2.23%, หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 0.69% และหุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 1.15%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ปรับตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.53%, หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ เพิ่มขึ้น 0.22%, หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 0.63% และหุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3.1%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งหลุดระดับ 90 ดอลลาร์ โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 1.94%, หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 1.76%, หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.49% และและหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 3.62%

หุ้นไฟเซอร์ ปรับตัวลง 0.72% หลังมีรายงานว่า นายอัลเบิร์ต เบอร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทไฟเซอร์ มีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก แม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนถึง 4 เข็มแล้วก็ตาม โดยขณะนี้เขากำลังอยู่ในกระบวนการกักตัว และได้รับการรักษาด้วยยาแพกซ์โลวิด ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์

นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 25-27 ส.ค. นี้ โดยหัวข้อการประชุมคือ “Reassessing Constraints on the Economy and Policy” สำหรับในการประชุมในปีนี้ คาดว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ หลังเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลงในเดือน ก.ค.

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันจันทร์ (15 ส.ค.) โดยปรับตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้นักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย เช่น กลุ่มเฮลท์แคร์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค

Stoxx Europe 600 +0.34%

CAC-40 +0.25%

DAX +0.15%

FTSE 100 +0.11%

หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ช่วยหนุนตลาดขึ้นมากที่สุด โดยหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า พุ่ง 2.3% หลังยาเอ็นเฮอร์ทู (Enhertu) ซึ่งเป็นยารักษาโรคมะเร็งที่พัฒนาร่วมกับบริษัทไดอิชิ แซนเคียวของญี่ปุ่น สามารถชะลอการลุกลามของมะเร็งเต้านมในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาก่อนหน้านี้

หุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้นราว 1% และ 0.8% ตามลำดับ ซึ่งช่วยชดเชยการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มเหมืองแร่ หลังธนาคารกลางจีนสร้างความประหลาดใจด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจชะลอลงเกินคาดในเดือน ก.ค.

ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในเดือน มิ.ย. โดยปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อในสหรัฐฯ อาจแตะระดับสูงสุดแล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความวิตกที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นมากกว่า 10% นับตั้งแต่แตะระดับต่ำสุดของปีนี้ ในเดือน มิ.ย. แต่ดัชนียังปรับตัวลง 9.3% นับตั้งแต่ต้นปี

หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น เช่น หุ้นเฮลโลเฟรช ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายส่วนประกอบในการทำอาหารของเยอรมนี พุ่งขึ้น 8% หลังยืนยันเป้าหมายผลประกอบการในระยะกลาง และแสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง

Social Share
Facebook
Twitter