Market Watch จับตาดูโลก วันที่ 29 สิงหาคม 2565

Table of Contents

Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันศุกร์ (26 ส.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดร่วง หลัง FED ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อสกัดเงินเฟ้อ อีกทั้ง นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงที่ยูโรโซน

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงมากกว่า 3% ในวันศุกร์ (26 ส.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ส่งสัญญาณว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

Dow Jones -3.03%

S&P500 -3.37%

Nasdaq -3.94%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันหลังนายพาวเวลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จำเป็นจะต้องมีการคุมเข้มนโยบายไประยะหนึ่งก่อนที่จะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ซึ่งจะส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง, ตลาดแรงงานอ่อนแอลง และส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ โดย FED ยังจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และ FED จะไม่ตัดทางเลือกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่มากกว่าปกติในเดือน ก.ย.

ส่งผลให้หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวลงในวันศุกร์ นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ, กลุ่มบริการสื่อสาร และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งร่วงลง 3.9-4.3%

หุ้นกลุ่มเติบโต และกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงด้วย โดยหุ้นอินวิเดีย และหุ้นแอมะซอน.คอม ร่วงลง 9.2% และ 4.8% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นอัลฟาเบท, เมตา แพลตฟอร์มส และบล็อก อิงค์ ร่วงลง 4.1-7.7%

หุ้นเดลล์ เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 13.5% หลังคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการชะลอตัว เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซากระตุ้นให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจคุมเข้มการใช้จ่าย

หุ้นแอฟเฟิร์ม โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยเงินกู้ให้กับผู้บริโภค ร่วงลง 21.3% หลังคาดการณ์รายได้ทั้งปีต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดร่วงลงในวันศุกร์ (26 ส.ค.) นำโดยตลาดหุ้นเยอรมนี เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกับการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ย้ำถึงจุดยืนในการคุมเข้มนโยบายการเงิน

CAC-40 -1.68%

Stoxx Europe 600 -1.68%

DAX -2.26%

FTSE 100 -0.70%

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังจากนายพาวเวลระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จำเป็นต้องมีนโยบายการเงินที่คุมเข้มไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนปรับตัวขึ้น หลังการแสดงความเห็นของนายพาวเวล และจากรายงานที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจหารือถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนก.ย.

หุ้นที่ร่วงลงมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก รวมถึงกลุ่มเดินทางและนันทนาการ ซึ่งร่วงลงราว 3.5%

ส่วนหุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง อาทิ หุ้นคาร์ลสเบิร์ก บริษัทเบียร์ของเดนมาร์ก ลดลง 0.3% หลังเปิดเผยว่า บริษัทในเครือที่โปแลนด์อาจปรับลดหรือยุติการผลิตเบียร์ เนื่องจากไม่มีการส่งมอบคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใช้ในการผลิต

Social Share
Facebook
Twitter