Bollinger Band (BB) คืออะไร ? Indicator ใช้ง่าย แต่ประโยชน์มาก

Table of Contents
Bollinger Band

ปัจจุบันการลงทุนที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายคงหนีไม่พ้น “การเทรด” เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงและรวดเร็ว ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลลัพธ์ของมันนั้นต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นตลาด Forex, Cryptocurrency หรือแม้แต่ Stock โดยวิธีการป้องกันความเสี่ยงนั้นมีอยู่หลายอย่าง แต่สำหรับนักเทรดทางเทคนิค (Technical Analysis) เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า วิธีที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร และทำให้การเทรดของคุณนั้นแม่นยำมากยิ่งขึ้น คือ การใช้อินดิเคเตอร์ (Indicator)

อินดิเคเตอร์ (Indicator) คืออะไร ?

อินดิเคเตอร์ (Indicator) คือ เครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคาสินทรัพย์ ซึ่งเราจะใช้ Indicator เพื่อช่วยคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต และกำหนดจุดซื้อ-ขายให้แม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยหลักการทำงาน หรือวิธีการคำนวณของอินดิเคเตอร์จะคำนวณตามสูตรทางคณิตศาสตร์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งส่วนใหญ่มักจะประกอบด้วยค่าเฉลี่ยของราคา และปริมาณการซื้อขาย

ดังนั้น ในบทความนี้ Traderbobo ขอนำเสนอ Bollinger Bands หรือมีชื่อเรียกสั้น ๆ ว่า BB คือ หนึ่งใน Indicator พื้นฐานที่เทรดเดอร์ทุกคนควรรู้ เนื่องจากการใช้งานที่ง่าย แต่มีประโยชน์สารพัดอย่าง โดยเฉพาะเมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้ม Sideway เพื่อตอบโจทย์นักเทรดมือใหม่ที่กำลังมองหาอินดิเคเตอร์ที่ดีที่สุดสักตัวมาช่วยวิเคราะห์การเทรดของคุณ

  • Bollinger Band (BB) คืออะไร
  • Bollinger Band บอกอะไรได้บ้าง
  • ส่วนประกอบ Bollinger Band Indicator (BB)
  • Bollinger Band สูตร
  • Bollinger Band ใช้ยังไง
  • การทำกำไรจาก Bollinger Band
  • Bollinger Band ใช้คู่กับอะไรดี
  • สรุป Bollinger Band คืออะไร

———————————— 🐶 ————————————

Bollinger Band (BB) คืออะไร ?

Bollinger Band

Bollinger Band คือ อินดิเคเตอร์ที่มีพื้นฐานมาจาก Moving Average (MA) ถูกสร้างขึ้นโดย John Bollinger เมื่อช่วงต้นทศวรรษ 1980 และมีชื่อเรียกสั้น ๆ ว่า BB ซึ่ง Bollinger Band นั้นจะคำนวณด้วยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation: SD) เพื่อใช้วัดค่าความผันผวนของราคา ทำให้ Bollinger Band Indicator เคลื่อนไหวตามเทรนด์และโมเมนตัมที่เกิดขึ้นในตลาด

Bollinger Band บอกอะไรได้บ้าง ?

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า อินดิเคเตอร์ Bollinger Band นั้นมีประโยชน์หลายอย่าง ซึ่งประโยชน์หลัก ๆ ของ BB มีดังนี้

  • ใช้ดูสัญญาณของการกลับตัวของราคา
  • ใช้ดูจุด Breakout ของราคา
  • ใช้หาจุดซื้อ-ขาย
  • ใช้วิเคราะห์แนวโน้มของราคา
  • ใช้ดูความผันผวนของราคา

ส่วนประกอบ Bollinger Band Indicator (BB)

ก่อนที่เราจะไปทำความเข้าใจว่า Bollingers Band ใช้ยังไง คุณควรเข้าใจส่วนประกอบต่าง ๆ ของอินดิเคเตอร์ก่อน เนื่องจากมันจะช่วยให้คุณสามารถเข้าใจหลักการใช้ และใช้งานได้ถูกต้อง ซึ่ง Bollinger Band หรือ BB นั้นประกอบด้วย 3 เส้น ได้แก่ Upper Band, Middle Band และ Lower Band โดยมีรายละเอียดดังนี้

bollinger band

Upper Band คืออะไร

  • Upper Band คือ เส้น Band ที่สร้างจากค่า SD ซึ่งจะอยู่ด้านบนของเส้น SMA โดยทำหน้าที่เป็นแนวต้าน

Middle Band คืออะไร

  • Middle Band คือ เส้น SMA ซึ่งทั่วไปจะนิยมใช้ SMA ที่ 20 โดยทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้าน

Lower Band คืออะไร

  • Lower Band คือ เส้น Band ที่สร้างจากค่า SD ซึ่งจะอยู่ด้านล่างของเส้น SMA ทำหน้าที่เป็นแนวรับ

Bollinger Band สูตร

สำหรับสูตรคำนวณของ Bollinger Band ในแต่ละเส้นจะแตกต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

สูตร
Upper BandSMA + SD x 2
Middle Band20-day simple moving average (SMA)
Lower Band SMA – SD x 2

จากสูตรจะเห็นได้ว่า Bollinger Bands เกิดจากการวัดค่าความผันผวนผ่านค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) 2 เท่า ดังนั้น หากความผันผวนเพิ่มขึ้นจะทำให้กรอบกว้างขึ้น และหากความผันผวนลดลงจะทำให้กรอบแคบลงเช่นกัน

กรอบกว้างมากเท่าไร = ความผันผวนในช่วงนั้นมีมาก

กรอบแคบมากเท่าไร = ความผันผวนในช่วงนั้นมีน้อย

* หมายเหตุ : กรอบ หมายถึง ระยะห่างระหว่างเส้น Upper Band กับ Middle Band และระยะห่างระหว่างเส้น Lower Band กับ Middle Band

Bollinger Band ใช้ยังไง ?

Bollinger Band คือ

Bollinger Band วิธีใช้ดูแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend)

  • ถ้ากราฟวิ่งอยู่ในระหว่างเส้น Upper Band และ Middle Band แสดงว่า แนวโน้มนั้นกำลังเป็นขาขึ้น
  • ถ้ากราฟนั้นไม่สามารถทะลุผ่านเส้น Middle Band ลงมาได้เลย แสดงว่า เป็นแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแรง
  • ถ้ากราฟที่กำลังเป็นแนวโน้มขาขึ้นสามารถทะลุผ่านเส้น Middle Band ลงมาได้ แสดงว่า มีโอกาสสูงที่กราฟจะเริ่มกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง

Bollinger Band วิธีใช้ดูแนวโน้มขาลง (Downtrend)

  • ถ้ากราฟวิ่งอยู่ในระหว่างเส้น Lower Band และ Middle Band แสดงว่า แนวโน้มนั้นกำลังเป็นขาลง
  • ถ้ากราฟนั้นไม่สามารถทะลุผ่านเส้น Middle Band ขึ้นไปได้เลย แสดงว่า เป็นแนวโน้มขาลงที่แข็งแรง
  • ถ้ากราฟที่กำลังเป็นแนวโน้มขาลงสามารถทะลุผ่านเส้น Middle Band ขึ้นไปได้ แสดงว่า มีโอกาสสูงที่กราฟจะเริ่มกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น

Bollinger Band วิธีใช้ดูสัญญาณการกลับตัว (Reversal)

Bollinger Band คือ

  • เมื่อกราฟวิ่งขึ้นไปชนเส้น Upper Band แสดงว่า อยู่ในโซน Overbought และอาจเป็นสัญญาณการกลับตัวลงมา
  • เมื่อกราฟวิ่งลงมาชนเส้น Lower Band แสดงว่า อยู่ในโซน Oversold และอาจเป็นสัญญาณการดีดตัวขึ้นไป

การทำกำไรจาก Bollinger Band

สิ่งสำคัญก่อนที่เราจะใช้ Bollinger Band Indicator คือ เราจำเป็นต้องวิเคราะห์สภาพตลาด ณ ตอนนั้นว่า กำลังเป็น Trend หรืออยู่ในรูปแบบ Sideway ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

กรณีที่ตลาดเป็นเทรนด์

ถ้าหากว่า สภาวะตลาด ณ ตอนนั้นเป็นเทรนด์ เราจะเน้นไปที่การหาจุดเข้าซื้อที่แม่นยำ และถือในระยะยาว ซึ่งเราจะทำการปิดออเดอร์ก็ต่อเมื่อกราฟราคานั้นมีท่าทีที่จะกลับตัว หรือแนวโน้มเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง

กรณีที่ตลาดเป็น Sideway

ถ้าหากว่า สภาวะตลาด ณ ตอนนั้นเป็น Sideways การทำกำไรจะค่อนข้างง่ายกว่า ดังนี้

  • ถ้ากราฟราคาขึ้นไปแตะที่เส้นกรอบบน หรือ Upper Band การเปิดออเดอร์ Sell จะได้เปรียบมากกว่า
  • ถ้ากราฟราคาลงไปแตะที่เส้นกรอบล่าง หรือ Lower Band การเปิดออเดอร์ Buy จะได้เปรียบมากกว่า

เนื่องจากราคาอาจมีการกลับตัว และที่สำคัญหากตลาดเป็นแนวโน้ม Sideway กราฟราคาจะสามารถทะลุผ่านเส้น Middle Band ได้โดยง่าย ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญแค่กับเส้น Upper Band และ Lower Band

Bollinger Band ใช้คู่กับ อะไรดี ?

การใช้ Bollinger Bands สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานได้โดยการใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ตัวอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการวิเคราะห์กราฟให้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นอินดิเคเตอร์ที่จัดอยู่ในประเภทที่ใช้บ่งชี้โซนตลาด Overbought หรือ Oversold ทำให้รู้แนวโน้มทิศได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดย Bollinger Bands ใช้คู่กับอินดิเคเตอร์ดังต่อไปนี้ได้ดี

  • Commodity Channel Index (CCI)
  • Relative Strength Index (RSI)
  • Oscillators (OCT)

สรุป Bollinger Band คืออะไร

Bollinger Band คือ เครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์เชิง Technical Analysis ขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีประโยชน์มากไม่ว่าจะกับเทรดเดอร์มือใหม่ หรือมืออาชีพ เนื่องจากสามารถวิเคราะห์แนวโน้ม ดูความผันผวนราคา และกำหนดจุดเข้าซื้อ-ขาย รวมไปถึงจุดกลับตัวได้อีกด้วย ทั้งนี้ ควรศึกษาความรู้ในการเทรดทางเทคนิคให้เข้าใจระดับหนึ่งก่อนนะครับ เพื่อการใช้ BB Indicator ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม การประยุกต์ Bollinger Band ใช้คู่กับ Indicator ตัวอื่น ๆ ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเทรด ซึ่งขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และความถนัดของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้ด้านการลงทุน และการลงทุนล้วนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนลงทุนทุกครั้งนะครับ

หากใครกำลังมองหาโบรกเกอร์ Forex อยู่ เราได้รวบรวมไว้ที่นี่!

———————————— 🐶 ————————————

Source: ทีมงาน Traderbobo

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่สาระน่ารู้

อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่Review Broker

Social Share
Facebook
Twitter