เริ่มตั้งเเต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่รัสเซียทำการบุกยูเครนจนทำให้เกิดวิกฤตครั้งใหญ่ เเละส่งผลกระทบมากมาย ดูเหมือนว่ามีการเพิ่มขึ้นในการส่งมอบน้ำมันของรัสเซียไปยังอินเดีย เนื่องจากรัสเซียได้ขายน้ำมันให้อินเดียในราคาถูกกว่าคู่ค้ารายอื่น เนื่องจากอินเดียเลือกข้างชัดเจนว่า อาจจะอยู่ฝั่งรัสเซียในสงครามครั้งนี้ และดูเหมือนว่าอินเดียจะเข้าซื้อน้ำมันจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุการณ์นี้อาจทำให้เกิดการผูกขาดน้ำมัน เเละส่งผลกระทบถึงราคาน้ำมันในอนาคตที่จะพุ่งอย่างฉุดไม่อยู่
อย่างที่เราทราบกันดี ในช่วงเวลาที่เกิดสงครามทองเเละน้ำมันจะมีราคาที่สูงขึ้นมาก ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน ตั้งเเต่เกิดสงครามระหว่างรัสเซียเเละยูเครน ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นมาเเล้วกว่า 30% อีกทั้งสหรัฐฯ ยังกดดันโต้รัสเซียกลับด้วยการคว่ำบาตรด้านการเงินเเละพลังงาน โดยการไม่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่สหราชอาณาจักรวางแผนที่จะทำเช่นนั้นภายในสิ้นปีนี้ ส่วนสหภาพยุโรป (EU) กำลังพิจารณาว่าจะทำเช่นเดียวกันหรือไม่ ด้วยสาเหตุเหล่านี้ ได้หนุนให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นไปอีก
ล่าสุดรัสเซียได้ลดราคาน้ำมันให้อินเดียมากถึง 35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือถูกลงจากราคาตลาดถึง 33% เนื่องจากแรงกดดันจากนานาประเทศทำให้ความต้องการซื้อบาร์เรลในที่อื่น ๆ ลดลง อีกทั้งทั้งสองประเทศมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน รัสเซียสนับสนุนอินเดียในด้านต่าง ๆ รวมถึงการจัดหายุทโธปกรณ์ทางทหารและการป้องกันประเทศมากถึง 60% ของความต้องการของประเทศในเอเชีย ตามข้อมูลของ Kapadia
ตั้งเเต่ข่าวนี้หลุดออกไป ทำให้น้ำมันดิบเบรนด์ราคาพุ่งกว่า 10 ดอลลาร์ ซึ่งจีนก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ถูกจับตามองว่า จะสามารถซื้อน้ำมันจากรัสเซียในราคาพิเศษหรือไม่? เนื่องจากจีนเป็นผู้ซื้อน้ำมันจากรัสเซียรายใหญ่ที่สุด โดยเฉลี่ย 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2564 ตามข้อมูลของ IEA เเต่ Matt Smith หัวหน้านักวิเคราะห์น้ำมันของ Kpler คาดการณ์ว่า “จีนมีเเนวโน้มที่จะตกลงซื้อน้ำมันราคาพิเศษจากรัสเซียน้อยกว่าอินเดีย”
อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันจีนไม่ได้ออกมาสนับสนุนรัสเซียอย่างเป็นทางการเเต่อย่างไรในเรื่องของยูเครน เเต่ยังคงนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียอยู่ ซึ่งมีแนวโน้มว่า จีนจะเพิ่มปริมาณการซื้อน้ำมันมากขึ้น หากสามารถจ่ายเป็นหยวนและได้ส่วนลดเช่นเดียวกับอินเดีย ถ้าหากเป็นอย่างนั้นคงเกิดการผูกขาดน้ำมันอย่างเเท้จริง ประเทศที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรกับรัสเซียจะถูกขายน้ำมันให้ในราคาที่สูงกว่ามาก ส่งผลให้ในอนาคตราคาน้ำมันอาจสูงขึ้นกว่าเดิมมากกว่าเท่าตัว
อ้างอิง: CNBC, Moneycontrol, Moneyandbanking
