ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพุธ (2 ก.พ.) ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล และแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ โดยตัวเลขกำไรและรายได้ที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนทั้งสองแห่งเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตชิปดีดตัวขึ้น และยังช่วยสกัดปัจจัยลบจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ ที่ทรุดตัวลงในเดือน ม.ค.
Dow Jones +0.63%
S&P500 +0.94%
Nasdaq +0.50%
หุ้นอัลฟาเบท เเละหุ้นเอเอ็มดี พุ่งขึ้น 7.52% เเละ 5.12% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ที่นักวิเคราะห์คาดไว้ นอกจากนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของอัลฟาเบท และเอเอ็มดียังช่วยบดบังปัจจัยลบจากรายงานของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ซึ่งระบุว่า ตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลง 301,000 ตำแหน่งในเดือน ม.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง โดยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2563 เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (2 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป อาทิ หุ้นทีมวิวเวอร์, ซานทานเดร์, จูเลียส แบร์, เกล็นคอร์, โนวาร์ติส และโวดาโฟน ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นนำตลาด ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น
Stoxx Europe 600 +0.45%
CAC-40 +0.22%
DAX -0.04%
FTSE 100 +0.63%
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 5.1% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ยูโรสแตทเริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าว จากระดับ 5.0% ในเดือน ธ.ค.
นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน เเละตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%