ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันอังคาร (22 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นเกือบ 2% เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนปรับตัวรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทไนกี้
Dow Jones +0.74%
S&P500 +1.13%
Nasdaq +1.95%
แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงเมื่อวันจันทร์หลังจากประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่ดูเหมือนว่าขณะนี้นักลงทุนเริ่มปรับตัวรับสัญญาณดังกล่าวแล้ว และมองว่าสิ่งที่ควรทำในขณะนี้คือเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แต่ก็คาดหวังในสิ่งที่ดีที่สุด
ทั้งนี้นายพาวเวลได้กล่าวในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐน มีความแข็งแกร่งมาก และอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับสูงมากเกินไป ด้วยเหตุนี้เฟดจึงต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง และหากเห็นว่าจำเป็น เฟดก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง
นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร หลังจากราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ อันเนื่องมาจากการส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของนายพาวเวล โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส พุ่งขึ้น 2.44% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 2.77% ห้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 2.08% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.64% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 2.22% หุ้นทวิตเตอร์ ทะยานขึ้น 2.63% เเละหุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 7.91% ขานรับรายงานที่ว่า บริษัทเทสลาได้เริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าล็อตแรกที่ผลิตในโรงงานเมืองกรุนไฮเดอ ประเทศเยอรมนี
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2.3% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดขึ้น 1.18% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 1.74% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.13% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 3.1% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ทะยานขึ้น 4.4%
หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 2.23% หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 ของปีงบการเงินที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.พ. 2565 โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในอเมริกาเหนือ
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดปรับตัวขึ้นในวันอังคาร (22 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นขานรับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) แสดงความเห็นว่า อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% หากจำเป็นเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
Stoxx Europe 600 +0.85%
CAC-40 +1.17%
DAX +1.02%
FTSE 100 +0.46%
นอกจากนี้นักลงทุนยังปรับตัวรับแนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยราว 0.50% ภายในสิ้นปีนี้
หุ้นรายตัวปรับตัวขึ้นหนุนตลาด อาทิ หุ้นจัสต์อีต เทคอะเวย์.คอมของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 3.2% หลังจับมือกับบริษัทแมคโดนัลด์ คอร์ปเพื่อขยายธุรกิจส่งอาหาร
หุ้นลีโอนาร์โดซึ่งเป็นบริษัทด้านการบินและอวกาศของอิตาลี ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังบริษัทดีอาร์เอสซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่สหรัฐตกลงที่ขายธุรกิจ GES to SES ซึ่งเป็นธุรกิจสื่อสารดาวเทียมเป็นเงิน 450 ล้านดอลลาร์
หุ้นเอสเอพีซึ่งเป็นบริษัทผลิตซอฟต์แวร์ของเยอรมนี พุ่ง 0.6% หลังประกาศร่วมมือกับบริษัทบอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป เพื่อช่วยเหลือบริษัทรายใหญ่ ๆ ของโลกในการยกเครื่องกลยุทธ์ทางธุรกิจและเร่งความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือน ก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ก.พ., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน มี.ค. จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือน มี.ค. จากมาร์กิต, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือน ก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน