Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวันพฤหัสบดี (4 ส.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (4 ส.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่ก็ได้ปัจจัยบวกส่วนหนึ่งจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)
Dow Jones -0.26%
S&P500 -0.08%
Nasdaq +0.41%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งหลุดจากระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งนี้ หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.72%, หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 4.21%, หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.58% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 4.08%
หุ้นวอลมาร์ท ร่วงลง 3.78% หลังจากบริษัทประกาศแผนปรับลดพนักงานเพื่อพยุงธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น โดยการเปิดเผยแผนปรับลดพนักงานมีขึ้นเพียง 1 สัปดาห์หลังจากที่วอลมาร์ทคาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้นในปีงบการเงิน 2565 จะลดลงราว 11% – 13% จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่ากำไรต่อหุ้นในปี 2565 จะลดลงเพียง 1% โดยวอลมาร์ทระบุว่า ภาวะเงินเฟ้อได้ส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายสินค้าจำพวกเสื้อผ้าและเครื่องไฟฟ้า และหันไปใช้จ่ายเฉพาะสินค้าที่จำเป็น เช่น อาหาร
หุ้นอิไล ลิลลี ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ร่วงลง 2.6% หลังบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปีงบการเงิน 2565
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นต่อเนื่องจากวันพุธ โดยหุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.42%, หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ดีดขึ้น 1.05%, หุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.19% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.40%
หุ้นคอยน์เบส ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ทะยานขึ้น 10.01% หลังจากคอยน์เบสประกาศเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับริษัทแบล็คร็อค เพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่มสถาบันในการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี รวมทั้งให้บริการรับฝากคริปโทฯ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 260,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2564 และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐฯ ลดลง 6.2% สู่ระดับ 7.961 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. ส่วนการนำเข้าลดลง 0.3% สู่ระดับ 3.404 แสนล้านดอลลาร์ และการส่งออกเพิ่มขึ้น 1.7% สู่ระดับ 2.608 แสนล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 258,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าระดับ 372,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค. จะทรงตัวที่ระดับ 3.6%
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกในวันพฤหัสบดี (4 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ตลาดหุ้นอังกฤษขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2538
Stoxx Europe 600 +0.18%
CAC-40 +0.64%
DAX +0.55%
FTSE 100 +0.03%
BoE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สูงสุดในรอบ 27 ปี สู่ระดับ 1.75% แม้เตือนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระยะยาว ขณะที่ธนาคารเร่งสกัดกั้นเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เมื่อเดือนที่แล้ว และบ่งชี้ว่าจะปรับขึ้นอีก
การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งช่วยหนุนหุ้นรายตัว โดยหุ้นเครดิต อากริโคล พุ่งขึ้น 4.7% โดยปรับตัวขึ้นตามหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์และโซซิเอเต้ เจเนเรล หลังการประกาศผลกำไรรายไตรมาสที่ดีเกินคาดโดยได้แรงหนุนจากกิจกรรมด้านวาณิชธนกิจที่สูงเป็นประวัติการณ์
หุ้นลุฟท์ฮันซ่า พุ่งขึ้น 6.4% หลังจากคาดว่าอุปสงค์เที่ยวบินระยะสั้นในยุโรปจะหนุนการขยายตัวของสายการบินโดยสารในปีนี้ และคาดว่าบริษัทจะกลับมามีกำไรจากการดำเนินงานได้ในปีนี้
หุ้นเครดิต สวิส พุ่งขึ้น 1.7% หลังสื่อรายงานว่า ธนาคารกำลังพิจารณาที่จะปรับลดจำนวนพนักงานหลายพันคนทั่วโลก
หุ้นเกล็นคอร์ พุ่งขึ้น 3.1% หลังเปิดเผยผลกำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์จากการทำเหมืองถ่านหินให้ความร้อน