ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันอังคาร (1 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคาร ซึ่งช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 3.5% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนับตั้งแต่ต้นปี 2565 ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นไปแล้วถึง 23.2%
Dow Jones +0.78%
S&P500 +0.69%
Nasdaq +0.69%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (1 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเกือบทุกกลุ่ม หลังนักลงทุนขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป
Stoxx Europe 600 +1.28%
CAC-40 +1.43%
DAX +0.96%
FTSE 100 +0.96%
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยในวันอังคารว่า กิจกรรมการผลิตของยูโรโซนเติบโตรวดเร็วยิ่งขึ้นในเดือน ม.ค. เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานคลี่คลาย แม้พัฒนาการดังกล่าวจะไม่สม่ำเสมอกันทุกในทุกประเทศสมาชิกยูโรโซน และโรงงานยังคงเผชิญกับแรงกดดันเงินเฟ้อในระดับสูง
ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซนปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนแตะที่ 58.7 ในเดือนม.ค. จาก 58.0 เมื่อเดือนธ.ค. ซึ่งต่ำกว่าการประมาณการเบื้องต้นที่ 59.0 แต่สูงเหนือระดับ 50 อย่างเด่นชัด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว
นักลงทุนจับตาดูการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%