ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลดลงกว่า 200 จุดเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันในวันศุกร์ (18 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาก่อนวันหยุดยาวของสหรัฐฯ ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นในยูเครน ขณะที่สหรัฐฯ เตือนว่ามีความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะบุกโจมตียูเครน
Dow Jones -0.68%
S&P500 -0.72%
Nasdaq -1.23%
ดัชนี Nasdaq ร่วงลงหนัก เพราะถูกกดดันจากหุ้นเติบโตสูงที่ร่วงลง อาทิ หุ้นแอปเปิล, หุ้นแอมะซอน และหุ้นไมโครซอฟท์
นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ของยูเครน โดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียสนับสนุนได้ส่งพลเรือนเดินทางออกจากภูมิภาคในฝั่งตะวันออกของยูเครนซึ่งมีการสู้รบกันเพื่อลี้ภัยไปยังรัสเซีย ซึ่งเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งในความขัดแย้งที่ชาติตะวันตกเชื่อว่ารัสเซียวางแผนที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการบุกโจมตียูเครน ขณะที่รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และระบุว่าชาติตะวันตกว่าพยายามสร้างความหวาดกลัว
อีกทั้ง ตลาดยังคงถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค. โดยนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า เป็นการเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังส่งผลกระทบกับหุ้นรายตัวด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังปรับตัวรับการคาดการณ์ในตลาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือน มี.ค.
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงในวันศุกร์ (18 ก.พ.) โดยหุ้นกลุ่มเดินทางและกลุ่มธนาคารปรับตัวลงมากที่สุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน ขณะที่ชาติตะวันตกเชื่อว่ารัสเซียวางแผนที่จะใช้ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนกับรัฐบาลยูเครนเป็นเหตุผลสนับสนุนการบุกโจมตียูเครน
Stoxx Europe 600 -0.81%
CAC-40 -0.25%
DAX -1.47%
FTSE 100 -0.32%
ตลาดถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในดอนบาสและกองกำลังยูเครนในวันศุกร์เป็นวันที่ 2 ท่ามกลางความกังวลที่ว่ารัสเซียอาจใช้สถานการณ์ดังกล่าวเพื่อเป็นข้ออ้างในการโจมตียูเครน
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และธนาคารกลางรายใหญ่อื่น ๆ เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น
วันนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันประธานาธิบดีสหรัฐฯ