ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันจันทร์ (21 มี.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่สูงเกินไป และเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
Dow Jones -0.58%
S&P500 -0.04%
Nasdaq -0.40%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง หลังจากนายพาวเวลกล่าวในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ตามเวลาไทยว่า “ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่งมาก และอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับสูงมากเกินไป ด้วยเหตุนี้เราจึงอาจจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ตัวเลขเงินเฟ้อจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง และหากเราพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง เราก็จะทำ”
หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มธุรกิจการสื่อสาร โดยหุ้นพินเทอเรสต์ ดิ่งลง 2.91% หุ้นสแนป ร่วงลง 2.36% หุ้นทวิตเตอร์ ลดลง 0.87% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.58% หุ้นเอทีแอนด์ที ปรับตัวลง 0.22%
หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ดิ่งลง 2.31% หลังจากสำนักข่าวทาสส์ (TASS) ของรัสเซียรายงานว่า ศาลรัสเซียมีคำสั่งระงับการใช้งานแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมในรัสเซียแล้วเมื่อวานนี้ โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวสนับสนุนความรุนแรง
หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.59% หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 737 ของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส พร้อมผู้โดยสาร 132 คน ตกในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีนเมื่อช่วงบ่ายวานนี้
ในทางกลับกันหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 7% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 4.53% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.8% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.17% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.27%
ส่วนหุ้นบริษัทผลิตอาวุธพุ่งขึ้น ท่ามกลางสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่มีแนวโน้มยุติลงในขณะนี้ โดยหุ้นนอร์ธรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) พุ่งขึ้น 4.32% หุ้นล็อคฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) พุ่งขึ้น 3.24% หุ้นเรย์เธียน เทคโนโลยีส์ (Raytheon Technologies) ดีดขึ้น 2.33% หุ้นเจเนอรัล ไดนามิกส์ (General Dynamics) พุ่งขึ้น 2.54%
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ (21 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงถ่วงบรรยากาศการซื้อขายทั่วโลก ตลาดมีความทรงตัวหลังปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์คิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2563 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
Stoxx Europe 600 +0.04%
CAC-40 -0.57%
DAX -0.60%
FTSE 100 -0.60%
นักลงทุนยังคงจับตาสงครามในยูเครนอย่างใกล้ชิด ขณะที่บรรดารัฐบาลของชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) พิจารณาที่จะคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซียในการประชุมกันในสัปดาห์นี้ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดต่าง ๆ เพื่อตอกย้ำท่าทีในการต่อต้านรัสเซีย
ข่าวดังกล่าวได้หนุนหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซของยุโรปปรับตัวขึ้น 3.0% หลังสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นมากกว่า 3 ดอลลาร์ สู่เหนือระดับ 111 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่งผลให้หุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ พุ่งขึ้น 4.1%
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้นได้แก่ หุ้นจูเลียส แบร์ บวก 0.6% หลังจากเปิดเผยว่า บริษัทปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าจำนวนน้อยที่เผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรในตลาดรัสเซีย
นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า เฟดต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อลดเงินเฟ้อที่ระดับสูง และอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าปกติหากจำเป็น
ข้อมูลของเยอรมนีบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ยังคงเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือน ก.พ. โดยพุ่งขึ้น 25.9% เมื่อเทียบรายปี เพราะราคาพลังงานพุ่งขึ้น
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เดือน ก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ก.พ., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน มี.ค. จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือน มี.ค. จากมาร์กิต, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือน ก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน