Market Watch จับตาดูโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงในวันพุธ (8 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเผชิญภาวะถดถอย จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเหนือระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 3%
Dow Jones -0.81%
S&P500 -1.08%
Nasdaq -0.73%
บรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ หลังจากที่เฟดสาขาแอตแลนตาเปิดเผยว่า แบบจำลอง GDPNow Tracker บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส ซึ่งจะเข้าเกณฑ์การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ GDPNow Tracker บ่งชี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวเพียง 0.9% ในไตรมาส 2 หลังจากหดตัวลง 1.5% ในไตรมาส 1 ทำให้สหรัฐฯ มีความเสี่ยงสูงที่เศรษฐกิจจะหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส
ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 3.016% หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นจะทำให้บริษัทเอกชนเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ส่งผลให้หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 2.43% โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ร่วงลง 2.69%, หุ้นอเมริกัน เรียลตี้ อินเวสเตอร์ส ดิ่งลง 7.39% และหุ้นอาร์มาดา ฮอฟเฟอร์ พร็อพเพอร์ตีส์ ร่วงลง 1.28%
ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุดิ่งลง 2.1% โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 2.74%, หุ้นนูคอร์ ร่วงลง 2.93%, หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ดิ่งลง 5.78% และหุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ร่วงลง 3.62%
หุ้นอินเทล ร่วงลง 5.28% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นอินเทลเป็นครั้งที่ 2 ภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ โดยระบุว่า ความต้องการคอมพิวเตอร์พีซีกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 2 ของอินเทล
การประเมินดังกล่าวของซิตี้กรุ๊ปได้ฉุดหุ้นบริษัทผลิตชิปรายอื่น ๆ ดิ่งลงด้วย โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 3.05%, หุ้นไอบีเอ็ม ร่วงลง 1.37%, หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.77% และหุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 1.45%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 122 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.18%, หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.52% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.03%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน พ.ค. ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะเพิ่มขึ้น 8.2% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือน เม.ย. ที่ขยายตัว 8.3%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว รวมทั้งในการประชุมเดือน ก.ค. เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดปรับตัวลงในวันพุธ (8 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง และการคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจที่ซบเซาของเครดิตสวิสถ่วงหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ และของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในสัปดาห์หน้า
Stoxx Europe 600 -0.57%
CAC-40 -0.80%
DAX -0.76%
FTSE 100 -0.08%
ตลาดปรับตัวลงท่ามกลางความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นผลจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น, การคุมเข้มนโยบายการเงิน และความไม่แน่นอนจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 0.9% หลังเครดิตสวิสเปิดเผยว่า ธนาคารอาจจะขาดทุนในไตรมาส 2 เนื่องจากความผันผวนส่งผลกระทบต่อธุรกิจวาณิชธนกิจของธนาคาร
หุ้นเครดิตสวิสร่วงลงกว่า 7% ในการซื้อขายช่วงเช้าก่อนปิดตลาดดีดบวก 3.8% หลังมีรายงานว่า บริษัทสเตท สตรีทของสหรัฐฯ วางแผนที่จะเข้าเทคโอเวอร์เครดิตสวิส
หุ้นกลุ่มการเงินอื่น ๆ อาทิ เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ และยูบีเอส กรุ๊ป ร่วงลง 1.7% และ 2.6% ตามลำดับ
หุ้นวิซซ์ แอร์ ร่วงลง 9.5% หลังรายงานผลประกอบการขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงพุ่งขึ้น
แต่หุ้นกลุ่มค้าปลีกฟื้นตัวขึ้น 2.1% สวนทางตลาด โดยหุ้นอินดิเท็กซ์ พุ่งขึ้น 6.3% หลังรายงานกำไรสุทธิพุ่งขึ้น 80% ในเดือน ก.พ. – เม.ย.