Market Watch จับตาโลกวันนี้ : เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดบวก โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงช้อนซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นเติบโต ในขณะที่นักลงทุนจับตาดูการแถลงนโยบายการเงิน และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรส ในสัปดาห์นี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุด ในวันอังคาร (21 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงช้อนซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ที่มีทุนจดทะเบียนสูง เช่น หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ อย่างแอปเปิล และไมโครซอฟท์ ขณะที่นักลงทุนจับตา นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งจะแถลงนโยบายการเงิน และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอบครึ่งปี ต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้
Dow Jones +2.15%
S&P500 +2.45%
Nasdaq +2.51%
นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นเป็นวงกว้างหลังจากตลาดดิ่งลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนี Dow Jones และ Nasdaq ต่างก็ร่วงลง 4.8% ส่วนดัชนี S&P 500 ร่วงลง 5.8% ทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดรายสัปดาห์ นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563 และได้เข้าสู่ภาวะหมี โดยปัจจัยที่กดดันตลาดในสัปดาห์ที่แล้วมาจากความกังวลที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังจากเฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นทุกกลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 5.14% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัว โดยหุ้นไดมอนแบ็ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 8.17%, หุ้นชลัมเบอร์เจอร์ พุ่งขึ้น 6.01%, หุ้นฟิลลิปส์ 66 ดีดตัวขึ้น 6.04%, หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 5.87%, หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 4.22% และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 6.22%
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.32%, หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.46%, หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 3.28%, หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 9.35% และหุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 4.11%
หุ้นบริษัทผลิตชิป ดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 4.32%, หุ้นเคแอลเอ พุ่งขึ้น 4.9%, หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ พุ่งขึ้น 2.72% และหุ้นอินเทล ดีดขึ้น 2.06%
นักลงทุนจับตานายพาวเวล ซึ่งมีกำหนดแถลงนโยบายการเงิน และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอบครึ่งปี ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา ในวันพุธ ที่ 22 มิ.ย. และจากนั้นจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร ในวันพฤหัสบดี ที่ 23 มิ.ย.
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ล่าสุด ทีมนักวิเคราะห์ของบริษัทโกลด์แมน แซคส์ เตือนว่า ขณะนี้มีโอกาส 30% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 15% โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากผลกระทบของการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น และรุนแรงขึ้น เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 3.4% สู่ระดับ 5.41 ล้านยูนิต ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2563 โดยยอดขายบ้านมือสองได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้น เดือนมิ.ย. จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้น เดือน มิ.ย. จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ยอดขายบ้านใหม่ เดือน พ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน มิ.ย. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกขึ้นต่อ ในวันอังคาร (21 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์, กลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มน้ำมัน เนื่องจากนักลงทุนได้เข้าช้อนซื้อหุ้นราคาถูก หลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
Stoxx Europe 600 +0.35%
CAC-40 +0.75%
DAX +0.20%
FTSE 100 +0.42%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังแตะระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2564 เมื่อวันจันทร์ (20 มิ.ย.) ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ พุ่งขึ้น 1.2% เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเกือบ 1% หลังปริมาณน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงตึงตัว
หุ้นแอร์ ลิควิด ซึ่งเป็นบริษัทก๊าซอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 2.8% หลังทำข้อตกลงซื้อกิจการพลังงานครั้งใหญ่ที่สุดกับบริษัทแวตเทนฟอลของสวีเดน
หุ้นแอร์บัส ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องบินของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 2.0% หลังสายการบินอีซีเจ็ตของอังกฤษเปิดเผยว่า จะซื้อเครื่องบินแอร์บัส รุ่น A320neo จำนวน 56 ลำ