ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในอังคาร (11 ม.ค.) โดยหุ้นกลุ่มกลุ่มพลังงาน เเละเทคโนโลยีพุ่ง ขึ้นนำตลาดกว่า 1.21% หลัง FED ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างไปจากเดิม นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นว่า แผนการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของ FED จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐฯ
Dow Jones +0.51%
S&P500 +0.92%
Nasdaq +1.41%
หากห่วงโซ่อุปทานกลับสู่ภาวะปกติจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันจากเงินเฟ้อในปีนี้ แต่ FED ก็ไม่กลัวที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดไว้หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง สะท้อนให้เห็นว่า นโยบายคุมเข้มด้านการเงินจะทำให้เศรษฐกิจปรับตัวในลักษณะ “ซอฟท์แลนดิ้ง” มากกว่าที่จะทำให้เศรษฐกิจหดตัว นอกจากนี้ FED เชื่อมั่นว่า จะไม่เร่งใช้นโยบายคุมเข้มที่รุนแรงเกินไป เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (11 ม.ค.) ฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวดีที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.9% หลังร่วงลงเกือบ 8% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากความหวังว่าจะมีประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ดีเกินคาด หลังจากที่ความวิตกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยฉุดหุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วงลงอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
Stoxx Europe 600 +0.84%
CAC-40 +0.95%
DAX +0.95%
FTSE 100 +0.62%
ในส่วนของตัวเลขทางเศรษฐกิจ นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันนี้ คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 7.1% ในเดือน ธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 6.8% ในเดือน พ.ย.