ดัชนี Dow Jones ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันอังคาร (8 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) อายุ 10 ปีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2562 ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นขานรับแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้น Amazon เเละ Apple
Dow Jones +1.06%
S&P500 +0.84%
Nasdaq +1.28%
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 1.9% หลัง Bond Yield ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 1.965% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2562 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้เป็นไปในลักษณะหมุนเวียนกลุ่มลงทุน (Sector Rotation) โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธนาคารอย่างคึกคัก และคาดว่าการหมุนเวียนกลุ่มลงทุนจะเกิดขึ้นต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งนักลงทุนอยู่ในช่วงของการปรับตัวกับฤดูการรายงานผลประกอบการ และเตรียมพร้อมที่จะรับรู้ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร (8 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานซึ่งเพิ่มขึ้น 2.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 0.9% ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้
Stoxx Europe 600 +0.01%
CAC-40 +0.27%
DAX +0.24%
FTSE 100 -0.09%
สำหรับการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ในยุโรป โดยหุ้น Ocado ดิ่งลงเกือบ 13% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง และหุ้น BP ร่วงลงกว่า 2% แม้รายงานผลกำไรทั้งปีเพิ่มขึ้นก็ตาม
นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนม.ค.ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะพุ่งขึ้น 7.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2525
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่าตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.8% สู่ระดับ 8.07 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน ธ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.30 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 7.93 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือน พ.ย.