Market Watch จับตาดูโลก ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2565

Table of Contents

▪ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทรุดตัวลงเกือบ 800 จุดในวันจันทร์ (7 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอันเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น จะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นและส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

Dow Jones  -2.37%

S&P500 -2.95%

Nasdaq -3.62%

ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง หลังจากนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ “State of the Union” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นในวันอาทิตย์ (6 มี.ค.) ว่า สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรในยุโรปกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน

ตลาดวิตกกังวลว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และอาจจะนำไปสู่ภาวะ Stagflation หรือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น นอกจากนี้ตลาดยังกังวลว่า ปัญหาราคาน้ำมันแพงจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นปัจจัยขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจ

ดัชนี Dow Jones เข้าสู่ภาวะปรับฐาน (Correction) แล้ว เนื่องจากดัชนีได้ร่วงลงกว่า 10% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2565 ส่วนดัชนี Nasdaq ได้เข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market ) เนื่องจากดัชนีทรุดตัวลงกว่า 20% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2564

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 4.8% ทั้งนี้ หุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 12.23% หุ้นไนกี้ ร่วงลง 5.14% หุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ ทรุดตัวลง 15.36% หุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ร่วงลง 8.67% เเต่ราคาน้ำมันกลับช่วยหนุนหุ้นดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.57% โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.14% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 6.15% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 0.97% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.6%

▪ ตลาดหุ้นยุโรป ปิดปรับตัวลงในวันจันทร์ (7 มี.ค.) แต่ดีดตัวขึ้นพ้นจากระดับต่ำสุดของวัน โดยได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 130 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้ตลาดหุ้นเยอรมนีและอิตาลีเข้าสู่ภาวะซบเซาหรือภาวะหมี (bear market)

Stoxx Europe 600 -1.10%

CAC-40 -1.31%

DAX -1.98%

FTSE 100 -0.40%

ตลาดหุ้นเยอรมนีและตลาดหุ้นอิตาลีดิ่งลงมากกว่า 20% แล้วจากระดับปิดสูงเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ซึ่งยืนยันว่าตลาดเข้าสู่ภาวะหมี เเละหุ้นธนาคารที่ดำเนินธุรกิจในรัสเซีย อาทิ ยูนิเครดิต และโซซิเอเต้ เจเนราล ร่วงลง 4.2-5.7%

หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มรถยนต์นำตลาดร่วงลง โดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารยูโรโซนร่วง 4.1% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือนก่อนธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมกันในสัปดาห์นี้ ซึ่งตลาดจะจับตาดูว่า ECB จะรับมือผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤตยูเครนอย่างไร

อย่างไรก็ตาม หุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ พุ่ง 3.8% และ 8% ตามลำดับ ตามราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้น หลังสหรัฐฯ และชาติตะวันตกพิจารณาห้ามการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียเพื่อตอบโต้ที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน เเละหลังโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่า การใช้ก๊าซทั่วโลกมาจากรัสเซียราว 17% และในปี 2564 ยุโรปตะวันตกใช้ก๊าซ 40% จากรัสเซีย ทำให้หุ้นเทนาริส ซึ่งเป็นบริษัทผลิตท่อเหล็กของอิตาลี พุ่งขึ้น 13.0% หลังจากรัสเซียไม่สามารถส่งออกเหล็กสู่ตลาดยุโรป

▪ นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานล่าสุดว่า การเจรจาสันติภาพรอบที่ 3 ระหว่างคณะตัวแทนของรัสเซียและยูเครนได้เริ่มขึ้นแล้วที่เบลารุส เพื่อหาทางออกต่อวิกฤตการณ์ในยูเครน

▪ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ที่ต้องติดตาม ได้เเก่ ดุลการค้าเดือน ม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือน มี.ค. จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

Social Share
Facebook
Twitter
Picture of Traderbobo
Traderbobo

นักลงทุนในตลาด Forex และสินทรัพย์ทางการเงินด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี มุ่งเน้นการนำเสนอเนื้อหาที่เข้าใจง่าย พร้อมแบ่งปันความรู้และกลยุทธ์การเทรด เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในโลกการเงิน เหมาะสำหรับทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และมืออาชีพ

บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense