ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพุธ (30 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดันจากความกังวลที่ว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
Dow Jones -0.19%
S&P500 -0.63%
Nasdaq -1.21%
นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนจะสามารถบรรลุผล หลังมีรายงานว่ากองกำลังทหารรัสเซียได้ระดมยิงปืนใหญ่ในพื้นที่รอบนอกกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟเมื่อวานนี้ แม้ว่ารัสเซียเพิ่งให้คำมั่นสัญญาว่า จะลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครนก็ตาม
นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดันจากความกังวลที่ว่า การที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่ธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐฯ ต่างก็คาดการณ์ว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยโกลด์แมน แซคส์คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือน พ.ค. และ มิ.ย. ส่วนแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือน มิ.ย. และ ก.ค. และจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมทุกครั้งหลังจากนั้นถึงสิ้นปีนี้
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.36% โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ลดลง 0.87% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 0.4% ห้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.667% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.49%
หุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นมาร์เวลล์ เทคโนโลยี ดิ่งลง 4.14% หุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 3.37% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 3.52% หุ้นอินเทล ปรับตัวลง 1.57%
สวนทางกลับหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 0.39% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.77% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.68%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 455,000 ตำแหน่งในเดือน มี.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 450,000 ตำแหน่ง
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2564 ขยายตัว 6.9% ซึ่งเท่ากับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.0% และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.1%
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบในวันพุธ (30 มี.ค.) หลังจากบวกติดต่อกัน 3 วัน ขณะที่นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้นเพื่อดูสถานการณ์ในยูเครน หลังตลาดทะยานขึ้นเมื่อวันอังคารขานรับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้า
Stoxx Europe 600 -0.41%
CAC-40 -0.74%
DAX -1.45%
FTSE 100 +0.55%
ตลาดปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลกับสถานการณ์ในยูเครน หลังมีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียได้โจมตีเขตชานเมืองของกรุงเคียฟ และอีกเมืองหนึ่งที่ถูกปิดล้อมในภาคเหนือของยูเครนในวันพุธ หลังจากที่รัสเซียเพิ่งให้สัญญาเมื่อวันอังคารว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจ และคำเตือนจากบรรดาผู้กำหนดนโยบายที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของยุโรปได้ถูกกดดันเพิ่มขึ้นจากสงครามในยูเครน โดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก, ความเชื่อมั่นลดลง และเงินเฟ้อพุ่งขึ้น
ส่งผลให้หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวอยู่ในแดนบวก โดยกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 2.4% และ 3.3% ตามลำดับ หลังราคาน้ำมันและโลหะดีดตัวขึ้น
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 4.7% แล้วในเดือนนี้ ขณะที่กลุ่มเหมืองแร่ พุ่งขึ้นมากกว่า 6%
หุ้นไบออนเทค ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด โดยพุ่งขึ้น 5.6% หลังเปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายโครงการทดลองทางคลินิกเพื่อพัฒนาวัคซีนใหม่ในการรับมือกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และได้รายงานผลกำไรเพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายวัคซีนรุ่นแรก
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน มี.ค. ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวดาวโจนส์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 460,000 ตำแหน่งในเดือน มี.ค. ซึ่งน้อยกว่าในเดือน ก.พ. ที่พุ่งขึ้น 678,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือน มี.ค. จะลดลงสู่ระดับ 3.7%