ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพุธ (6 เม.ย.) หลังรายงานการประชุมเดือน มี.ค. ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ระบุว่า กรรมการเฟดเห็นพ้องที่จะปรับลดขนาดของงบดุล และเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
Dow Jones -0.42%
S&P500 -0.97%
Nasdaq -2.22%
รายงานการประชุมเฟดเมื่อคืนนี้ กรรมการเฟดเห็นพ้องที่จะปรับลดขนาดงบดุลลงเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างเร็วที่สุดในเดือน พ.ค. นี้ นอกจากนี้ กรรมการเฟดหลายคนยังสนับสนุนให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% จำนวนหนึ่งหรือสองครั้งในการประชุมวันข้างหน้า หากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงสูงขึ้น
ถือเป็นการตอกย้ำมุมมองของนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดซึ่งกล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเป็นระบบ และเร่งปรับลดขนาดงบดุลจากระดับสูงเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค. เนื่องจากขณะนี้เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สูงเกินไป
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 3.66% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.85% หุ้นแอมะซอน ดิ่งลง 3.23% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 2.887% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.1%
หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ร่วงลง 2.96% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 4.28% หุ้นไนกี้ ร่วงลง 2.98% หุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 2.58%
อย่างไรก็ดี นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (Defensive Stocks) เช่นหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มสาธารณูปโภค โดยหุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 3.18% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ดีดตัวขึ้น 0.38% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 1.49% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พุ่งขึ้น 2.6%
ส่วนหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคนั้น หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.38% หุ้นพีจีแอนด์พี บวก 0.33% หุ้นพอร์ทแลนด์ เจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 3.54% หุ้นพีพีแอล คอร์ปอเรชัน พุ่งขึ้น 2.37%
ตลาดหุ้นยุโรป ร่วงลงเกือบ 2% หนักสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ในวันพุธ (6 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุกของสหรัฐฯ จะกระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการที่ชาติตะวันตกเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อ โดยหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลง ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเดินทางร่วงลงมากที่สุด
Stoxx Europe 600 -1.53%
CAC-40 -2.21%
DAX -1.89%
FTSE 100 -0.34%
นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวเมื่อวันอังคารว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเป็นระบบ และเร่งปรับลดขนาดงบดุลจากระดับสูงเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนหน้า พร้อมกับกล่าวว่า ขณะนี้เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สูงเกินไป และการชะลอเงินเฟ้อถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งความเห็นของนางเบรนาร์ดกระตุ้นแรงเทขายหุ้นทั่วโลก
ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามในยูเครนนั้นถ่วงตลาดลงด้วย ขณะที่สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ และสหภาพยุโรป (EU) เสนอที่จะห้ามการนำเข้าถ่านหินและน้ำมันจากรัสเซีย
ตลาดยังปรับตัวลงหลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง โดยยอดสั่งซื้อในภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีร่วงลงมากเกินคาดในเดือน ก.พ. หลังอุปสงค์จากต่างประเทศอ่อนแอลง นอกจากนี้ความวิตกเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในฝรั่งเศสกดดันตลาดด้วย โดยตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลงถึง 2.2%
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวลง ได้แก่ หุ้นเวสทาส ซึ่งเป็นบริษัทผลิตกังหันลมของเดนมาร์กร่วงลง 3.2% หลังเปิดเผยว่าบริษัทจะถอนตัวออกจากรัสเซียซึ่งบริษัทมีโรงงานจำนวน 2 แห่ง
หุ้นซีเมนส์ กาเมซา ซึ่งเป็นบริษัทผลิตกังหันลมเช่นกัน ร่วงลง 6.2% หลังมีรายงานว่าชิ้นส่วนกังหันได้ตกลงในทะเลที่ทุ่งกังหันลมแห่งหนึ่งในเดนมาร์ก
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน รวมทั้งการที่นานาประเทศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียในกรณีใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ในการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่นั้น สหรัฐฯ จะแบนการลงทุนใหม่ทั้งหมดในรัสเซีย รวมถึงคว่ำบาตรธนาคารสเบอร์แบงก์ (Sberbank) และอัลฟา แบงก์ (Alfa Bank) สองสถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุดในรัสเซีย นอกจากนี้สหรัฐฯ จะคว่ำบาตรบุตรสาวสองคนของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน รวมถึงสมาชิกในครอบครัวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงรัสเซียคนอื่น ๆ