8 หุ้นรถยนต์ไฟฟ้ามาแรง ยอดขายเติบโตถึง 92% ส่งท้ายปี 2023

Table of Contents
รถยนต์ไฟฟ้า

.

.

ธีมรักโลก ผลักดันความเป็น Ecosystem ส่งผลให้รถยนต์ EV มียอดขายทะลุกว่า 40 ล้านคัน!

จากกระแสเมกะเทรนด์ที่มาแรงทั่วโลก ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้า EV ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เห็นได้จากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าหลาย ๆ ราย ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกสามารถทำสถิติยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Tesla, BYD, KIA & HYUNDAI, HONDA, FORD หรือ Volkswagen ที่มีผลประกอบการเติบโตเป็นอย่างมาก 

ยกตัวอย่างเช่น Tesla ที่มีส่วนแบ่งในตลาดโลกอยู่ที่ 28% หรือ BYD ที่มีส่วนแบ่งในตลาดโลกอยู่ที่ 7% ซึ่งคาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเติบโตถึง 94% โดยเฉพาะรถยนต์ประเภท BEV ที่คาดว่า จะสามารถครองส่วนแบ่งในตลาดได้ถึง 34% จากตลาดทั่วโลก

ข้อควรรู้! รถยนต์ไฟฟ้า EV สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ BEV และรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) 


แนวโน้ม “การเติบโต” ของรถยนต์ไฟฟ้า EV ปี 2023

สำหรับประเทศไทยนั้น กระแสตอบรับของรถยนต์ไฟฟ้าก็มาแรงไม่แพ้กัน โดย Krungthai COMPASS ได้คาดการณ์ว่า ในปี 2023 ยอดขายรถยนต์ BEV ขยายตัวอยู่ที่ 24,000 คัน หรือสามารถคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ถึง 92% ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า คือ ค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ารถยนต์สันดาป และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั่นเอง

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีการใช้งานที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นและคาดการณ์ว่า ในอนาคตอัตราการใช้งานจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ดีขึ้นในช่วงปี 2023-2025 ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าได้รับกระแสตอบรับที่ดีนั้น เกิดจากนโยบายการสนับสนุนการใช้รถไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ของภาครัฐที่พยายามส่งเสริม Ecosystem โดยเริ่มจากการเปลี่ยนการใช้ “รถสันดาปภายใน” ให้เป็น “รถยนต์ EV” ในอนาคตให้มากขึ้นแทน

ปี 2023 คาดการณ์ได้ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2022 โดยรถยนต์ BEV สามารถครองยอดขายได้มากถึง 34% ซึ่งคิดเป็นการเติบโตได้ถึง 30 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่รถยนต์ BEV ครองสัดส่วนตลาดได้เพียง 4% ทำให้เห็นได้ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์จะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 10 ปี ข้างหน้านี้

วิเคราะห์โอกาสการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า

ตลาดยานยนต์ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากนโยบายและการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ทำให้เกิดตลาดใหม่ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นและเข้ามามีบทบาทในส่วนแบ่งของตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ประเทศแคนาดา, นิวซีแลนด์, เกาหลีใต้ หรือแม้แต่ในประเทศไทยเองก็มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารวมกันถึง 6.9 ล้านคัน โดยจะขอยกตัวอย่าง 3 ตลาดยานยนต์ที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

รถยนต์ไฟฟ้า

โรงงาน Tesla ในเซียงไฮ้ (ที่มา : Europe.autonews.com)

1. ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าประเทศจีน

ตลาดประเทศจีนมีการเติบโตเป็นอย่างมาก โดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีนรายงานว่า ในปี 2022 มียอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 89% ในปีก่อนหน้านั้น สามารถคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 19% ของยอดขายรถใหม่ในจีน ซึ่งยี่ห้อรถที่มาแรงในจีนได้แก่ Hongguang Mini EV 490,000 คัน, Tesla Model Y 460,000 คัน และ Dophin (BYD) 180,000 คัน ตามลำดับ

2. ตลาดยานยนต์ไฟฟ้ายุโรป

IHS Automotive คาดการณ์ว่า ในปี 2030 ยอดขายรถยนต์ EV จะเติบโตถึง 56% ในตลาดยุโรป เนื่องจากยุโรปมีการกำหนดนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ต้องหันมาใช้พลังงานทดแทน

3. ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย

สำหรับโอกาสการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย Krungthai Compass ได้วิเคราะห์ไว้ว่า ตลาดรถยนต์ BEV มียอดการขายที่เติบโตในประเทศไทย เพราะมีหลายแบรนด์รถยนต์ที่เริ่มวางแผนขยายการลงทุนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น จากการเข้าร่วมโครงงานสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ ซึ่ง Krungthai Compass ประเมินยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 24,000 คัน ในปี 2023 คิดเป็นการคำนวณได้ถึง 92.0% จากปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ภาครัฐยังผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาคในระยะยาว รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าไปพร้อม ๆ กัน เพื่อสนับสนุนมาตรการการผลิตและใช้ยานยนต์ไฟฟ้าปลอดมลพิษ (Zero Emission Vehicle : ZEV)

3 แบรนด์รถยนต์ขยายการลงทุนในไทย

แบรนด์รถยนต์

แผนการลงทุน

รถยนต์ไฟฟ้า

MG Thailand

- เพิ่มงบประมาณในการลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท
- ขยายที่ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ที่เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ชลบุรี โดยก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในปี 2566

รถยนต์ไฟฟ้า

GMW

- ลงทุนกว่า 12,000 ล้านบาท เพื่อเดินสายผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 10,000 คัน
- มีแผนในการลงทุนในประเทศไทยคาด 22,600 ล้านบาท

รถยนต์ไฟฟ้า

NETA V

- วางแผนในการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้กับคนไทยภายในปีนี้กว่า 10,000 คัน 
- เข้าร่วมและสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ เพื่อรองรับตลาดในไทย โดยจะเริ่มสายพานการผลิตที่คาดว่า ภายในปี 2567

รถยนต์ไฟฟ้าในไทยแบรนด์อื่น ๆ

MINI Cooper SE, Nissan Leaf, Tesla Model Y, Volt City EV, Audi e-torn GT, BMW iX3, Toyota bZ4x และ Jaguar i-PACE เป็นต้น


เจาะลึก! 5 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า สามารถแบ่งออกเป็น 5 ปัจจัย ได้แก่ 

1. การแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม : พยายามลดมลพิษทางอากาศที่มีสาเหตุหลัก ๆ มาจากการปล่อยมลพิษของรถบนท้องถนน

2. การผลักดันพลังงานทดแทนให้มากยิ่งขึ้น : เพื่อลดการใช้น้ำมันที่นำเข้าจากนอกภูมิภาคและพึ่งพาความเป็น Ecosystem

3. การสร้างอุตสาหกรรมใหม่ : เพื่อพัฒนาระบบให้เข้าสู่ยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) ในอนาคต

4. ความคุ้มค่าของการใช้งาน : ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าถูกกว่ารถสันดาป รวมทั้ง ยังมีค่าใช้จ่ายทางเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า

5. การแข่งขันในอุตสาหกรรมตามกระแสเมกะเทรนด์ที่มีมากขึ้น : ส่งผลให้หลาย ๆ แบรนด์เริ่มหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับพลังงานสะอาด EV และสร้างผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับธีม EV เพิ่มขึ้น


ข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้าที่ควรรู้ “ก่อนตัดสินใจซื้อ”

แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากเพียงใด แต่รถยนต์ไฟฟ้าก็มีข้อจำกัดเกี่ยวกับระยะทางการขับขี่ต่อการชาร์จที่สั้นเกินไป และในปัจจุบันยังไม่มีสถานีชาร์จที่ครอบคลุมมากพอ รวมทั้งระยะเวลาในการชาร์จก็นานเกินไปอีกด้วย ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้ใช้ที่จำเป็นต้องเดินทางไกลยังคงมีความกังวลใจในการใช้งานและการอำนวยความสะดวกของรถยนต์ไฟฟ้าอยู่


ส่อง! ตารางหุ้น EV กลุ่มไหนบ้าง? มีแววน่าลงทุน 2023

กลุ่มหุ้น EV ที่ได้รับประโยชน์ตัวอย่างหุ้น
สถานีชาร์จ– EA
– PPT
ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ไฟฟ้า– EPG
– FPI
แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ – KCE
– DELTA
ผู้ประกอบชิ้นส่วน EV – NEX 
– CWT

📌Tip! การคัดเลือกหุ้น EV ที่มีแววน่าลงทุน ควรคำนึงถึงแนวโน้มการเติบโตของบริษัทนั้น ๆ ว่าถึงจุดอิ่มตัวแล้วหรือไม่? โดยพิจารณาได้จากกำไรย้อนหลังสม่ำเสมอ ผลประกอบการย้อนหลัง 5-10 ปี Free Float หรือสภาพคล่องของหุ้นสูง รวมทั้ง การคำนวณค่า ROE, P/E และ P/BV ที่เหมาะสมด้วย


หุ้น EA : บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

รถยนต์ไฟฟ้า

ลักษณะธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจผลิตยานยนต์ไฟฟ้า, โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน, ไบโอดีเซล และกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ เช่น ศูนย์แบตเตอรี่ไฟฟ้า เป็นต้น

ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า EA

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

  • 170,647.50 ล้านบาท

ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด

  • 45.75 และ 45.50

P/E (เท่า)

  • 17.73

P/BV (เท่า)

  • 4.04

Beta*

  • 1.81

% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)

  • 39.89

อัตราเงินปันผลตอบแทน (%) 

  • 0.66

อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)

  • 27.54

งบการเงินของหุ้น EA

รถยนต์ไฟฟ้า

* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET

หุ้น PPT : บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

รถยนต์ไฟฟ้า

ลักษณะธุรกิจ

PPT ดำเนินกิจการเกี่ยวกับกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ, ธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปการ, ธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจให้บริการอื่น ๆ 

ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า PPT

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

  • 170,647.50 ล้านบาท

ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด

  • 45.75 และ 45.50

P/E (เท่า)

  • 12.52

P/BV (เท่า)

  • 0.85

Beta*

  • 0.83

% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)

  • 48.88

อัตราเงินปันผลตอบแทน (%) 

  • 6.11

อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)

  • 4.10

งบการเงินของหุ้น PTT

รถยนต์ไฟฟ้า

* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET

หุ้น EPG : บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

รถยนต์ไฟฟ้า

ลักษณะธุรกิจ

EPG ประกอบธุรกิจหลักจากการร่วมถือหุ้นในบริษัทอื่น เช่น ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นส่วน ภายใต้การดำเนินการของบริษัท แอร์โรคลาส จำกัด (ARK)

ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า EPG

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

  • 19,320.00 ล้านบาท

ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด

  • 7.00 และ 6.80

P/E (เท่า)

  • 16.80

P/BV (เท่า)

  • 1.58

Beta*

  • 1.41

% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)

  • 25.86

อัตราเงินปันผลตอบแทน (%) 

  • 3.62

อัตรากำไรสุทธิ ไตรมาส1/2567 (%)

  • 10.23

งบการเงินของหุ้น EPG

รถยนต์ไฟฟ้า

* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET

หุ้น FPI : บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน)

รถยนต์ไฟฟ้า

ลักษณะธุรกิจ

FPI ประกอบธุรกิจประเภทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากพลาสติกและเป็นศูนย์รวมในการจัดจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่ของรถยนต์

ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า FPI

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

  • 3,752.31 ล้านบาท

ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด

  • 2.54 และ 2.48

P/E (เท่า)

  • 10.39

P/BV (เท่า)

  • 1.74

Beta*

  • 0.74

% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)

  • 24.98

อัตราเงินปันผลตอบแทน (%) 

  • 6.45

อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)

  • 159.43

งบการเงินของหุ้น FPI

รถยนต์ไฟฟ้า

* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET

หุ้น KCE : บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน)

รถยนต์ไฟฟ้า

ลักษณะธุรกิจ

KCE เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ PCB ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของการประกอบเครื่องมือที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์เกือบทุกชนิด

ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า KCE

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

  • 60,877.56 ล้านบาท

ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด

  • 53.75 และ 52.00

P/E (เท่า)

  • 32.43

P/BV (เท่า)

  • 4.54

Beta*

  • 1.99

% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)

  • 59.06

อัตราเงินปันผลตอบแทน (%) 

  • 3.11

อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)

  • 9.04

งบการเงินของหุ้น KCE

รถยนต์ไฟฟ้า

* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET

หุ้น DELTA : บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

รถยนต์ไฟฟ้า

ลักษณะธุรกิจ

DELTA ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการจัดการระบบไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท ได้แก่ EMI, DC Fan และโซเลนอยด์ เป็นต้น

ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า DELTA

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

  • 1,007,260.65 ล้านบาท

ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด

  • 79.75 และ 75.00

P/E (เท่า)

  • 60.74

P/BV (เท่า)

  • 17.21

Beta*

  • 2.36

% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)

  • 22.36

อัตราเงินปันผลตอบแทน (%) 

  • 0.50

อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)

  • 12.08

งบการเงินของหุ้น DELTA

รถยนต์ไฟฟ้า

* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET

หุ้น NEX : บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน)

รถยนต์ไฟฟ้า

ลักษณะธุรกิจ

NEX ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ลูกค้า

ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า NEX

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

  • 19,510.63 ล้านบาท

ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด

  • 9.55 และ 9.35

P/E (เท่า)

  • 23.36

P/BV (เท่า)

  • 4.98

Beta*

  • 1.67

% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)

  • 41.98

อัตราเงินปันผลตอบแทน (%) 

อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)

  • 8.73

งบการเงินของหุ้น NEX

รถยนต์ไฟฟ้า

* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET

หุ้น CWT : บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

รถยนต์ไฟฟ้า

ลักษณะธุรกิจ

CWT ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า คือ เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ เช่น Toyota, Honda, Nissan, Mazda และ Chevrolet เป็นต้น 

ภาพรวมเกี่ยวกับหุ้นรถยนต์ไฟฟ้า CWT

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

  • 951.46 ล้านบาท

ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด

  • 1.51 และ 1.50

P/E (เท่า)

  • 41.07

P/BV (เท่า)

  • 0.49

Beta*

  • 1.18

% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (%Free Float)

  • 61.55

อัตราเงินปันผลตอบแทน (%) 

  • 3.54

อัตรากำไรสุทธิ 6 เดือนแรก (%)

  • -0.81

งบการเงินของหุ้น CWT

รถยนต์ไฟฟ้า

* ข้อมูล ณ วันที่ 24 ต.ค. 2566 จาก SET


สรุป หุ้นรถยนต์ไฟฟ้า EV

รถยนต์ไฟฟ้า EV กลายเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรง เพราะปัจจุบันหลาย ๆ ประเทศกำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับระบบ Ecosystem โดยการรณรงค์ให้หันมาใช้พลังงานทดแทน จึงทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นที่ตนเองสนใจให้ละเอียดและรอบคอบ อีกทั้ง ควรศึกษาแนวโน้มในการเติบโตของบริษัท ๆ นั้น เช่น การคำนวณ EPS เพื่อให้การลงทุนของคุณได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากที่สุด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ หุ้นรถยนต์ไฟฟ้า EV

การเลือกหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าพื้นฐานดี ควรพิจารณาจากหลักเกณฑ์อะไร?

ผู้ลงทุนสามารถพิจารณาหลักเกณฑ์ในการเลือกสรรหุ้นรถ EV ได้จาก 5 หลักเกณฑ์ ได้แก่ 1. แนวโน้มของธุรกิจ 2. ฐานะทางการเงินของธุรกิจ 3. สภาพคล่องในการซื้อขายของหุ้น 4. ประเมินค่า P/E และ 5. ประเมินค่า P/BV สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

หุ้นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจ มีอะไรบ้าง?

  • หุ้น EA
  • หุ้น PPT
  • หุ้น EPG
  • หุ้น FPI
  • หุ้น KCE
  • หุ้น DELTA
  • หุ้น NEX
  • หุ้น CWT


อ่านบทความเพิ่มเติม: สาระน่ารู้

วิเคราะห์ราคาทองคำรายวัน: วิเคราะห์ราคาทองคำ และ Facebook Page

Social Share
Facebook
Twitter