8 Passive Income สร้างรายได้อัตโนมัติ ฉบับมือใหม่เริ่มต้นได้จริง!

Table of Contents
วิธีสร้างรายได้จาก Passive Income

. . . . . . . . . . . . . . .

ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนมีรายได้ทางเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอทำให้ Passive Income เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้คนมองหาในการสร้างรายได้นอกเหนือจากงานประจำ TraderBoBo จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก Passive Income พร้อม 8 วิธีการสร้างรายได้จาก Passive Income ว่าคืออะไร มีอะไรบ้าง และการสร้าง Passive Income แบบไหนที่เหมาะกับคุณ!

. . . . . . . . . . . . . . .

Passive Income คือ การสร้างรายได้จากสินทรัพย์ที่เราเป็นเจ้าของและให้สินทรัพย์นั้นทำงานแทนเราครับ ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ จะเน้นการสร้างกระแสรายได้ที่ต่อเนื่องโดยไม่ต้องใช้เวลาและแรงงานในระยะยาว แน่นอนว่าคุณอาจจะเสียเงินและลงแรงกับการทำ Passive Income ในช่วงเริ่มต้นครับ แต่หลังจากนั้นสินทรัพย์จะทำงานด้วยตัวของมันเอง โดยที่เราไม่ต้องทำอะไร ซึ่ง Passive Income อาจจะมาจากการใช้เงินในการลงทุนหรือใช้ไอเดียในการลงทุนก็ได้

Active Income คือ รายได้ที่เกิดจากการลงแรงทำงาน หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ รายได้ที่มาจากการใช้แรงและใช้เวลาในการทำงาน ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น หากคุณทำงาน คุณก็จะได้รับเงิน แต่ถ้าหากวันใดคุณหยุดทำงานก็อาจจะทำให้คุณขาดรายได้ครับ โดย Active Income ที่เราเห็นได้ทั่ว ๆ ไปนั่นก็คือ เงินเดือน, ค่าคอมมิชชัน หรือเงินจากการที่เราเปิดร้านขายของ ก็ถือเป็น Active Income ทั้งสิ้นครับ

เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างระหว่าง Passive Income และ Active Income ชัดเจนมากยิ่งขึ้นผมจะขอเปรียบเทียบให้ทุกคนดู ดังนี้

Passive IncomeActive Income
ความหมายรายได้ที่ได้รับโดยไม่ต้องทำงานอย่างต่อเนื่องรายได้ที่ได้จากการลงแรงทำงานโดยตรง
ตัวอย่างค่าเช่า, เงินปันผล และดอกเบี้ยเงินฝาก เป็นต้นเงินเดือน, ค่าจ้าง, ค่าคอมมิชชัน และกำไรจากธุรกิจ เป็นต้น
ข้อดีมีเวลาว่างเพิ่มมากขึ้น แม้พักผ่อนก็ยังมีรายได้มีรายได้สม่ำเสมอและมีโอกาสได้เติบโตในสายอาชีพของตนเอง
ข้อเสียผลตอบแทนไม่แน่นอนและการลงทุนบางประเภทอาจมีความเสี่ยงสูงไม่มีเวลาว่าง รายได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการทำงาน
ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับประเภทการลงทุนขึ้นอยู่กับประเภทงาน

*หมายเหตุ การสร้าง Passive Income และ Active Income ล้วนมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทการลงทุนและประเภทของงานประจำของคุณ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจสร้างรายได้ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม ควรศึกษาความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้และวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

คุณสามารถคำนวณหาเงินต้น หากต้องการมี Passive Income ตามจำนวนที่คุณต้องการได้จากสูตรต่อไปนี้

สูตรคำนวณเงินตั้งต้นหากต้องการมี Passive Income

ตัวอย่าง
ถ้าหากคุณต้องการมี Passive Income อยู่ที่ 20,000 บาท/เดือน จึงนำเงินไปลงทุนในหุ้นกู้ที่จ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 4% ต่อปี ดังนั้น คุณจะต้องมีเงินต้นอยู่ที่ (20,000 x 12) / 4% หรือเท่ากับ 6,000,000 บาท นั่นเอง

*หมายเหตุ อย่างไรก็ดี อย่าลืมที่จะคำนวณ “ภาษี” ให้ดี เพื่อวางแผนการลงทุนและประเมินผลตอบแทนสุทธิของคุณ เพื่อเป็นตัวช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ

8 Passive Income สร้างรายได้โดยไม่ต้องลงแรง

วันนี้พี่โบ้ขอเสนอ 8 Passive Income ที่เป็นตัวช่วยในการสร้างรายได้ให้กับคุณ โดย 8 Passive Income ที่ผมรวบรวมมาให้ทุกคนได้อ่าน มีดังนี้

Passive Income วิธีที่ 1 : สร้างและขายสินค้าดิจิทัล

สินค้าดิจิทัล คือ สินค้าและบริการที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เช่น ซอฟต์แวร์, เกม, เพลง และรูปภาพหรือวิดีโอ หรือที่เราพบเห็นได้บ่อย ๆ คือ คลิปวิดีโอ YouTube, นิยาย, Podcast และคอร์สเรียนออนไลน์ เป็นต้นครับ

ข้อดี

  • ไม่ต้องสต็อกสินค้า
  • ขายได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
  • ผู้คนเข้าถึงได้ง่ายผ่านโลกอินเทอร์เน็ต

ข้อเสีย

  • การแข่งขันสูง
  • อาจต้องผลิตเนื้อหาตามเทรนด์ตลอดเวลา
  • ใช้เวลาในการผลิตผลงาน

Passive Income วิธีที่ 2 : Affiliate Marketing

Affiliate Marketing เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการทำ Passive Income ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดย Affiliate Marketing คือ การนำเสนอสินค้าผ่านลิงก์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ของคุณ อาจจะผ่านการทำคอนเทนต์ในรูปแบบโพสต์หรือวิดีโอ โดยรายได้จากการทำ Affiliate Marketing จะเกิดก็ต่อเมื่อมีผู้คนคลิกลิงก์ที่คุณทำการโปรโมทและกดสั่งซื้อสินค้า ซึ่งรายได้ที่คุณได้รับจะขึ้นอยู่กับค่าคอมมิชชันของสินค้าประเภทนั้น ๆ ครับ

ข้อดี

  • ใช้เงินทุนไม่สูงหรืออาจจะไม่ต้องใช้เงินเลย
  • สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา
  • เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้การทำการตลาด และสร้างสรรค์คอนเทนต์

ข้อเสีย

  • ค่าคอมมิชชันอาจไม่สูงมาก ขึ้นอยู่กับสินค้า 
  • การแข่งขันสูง เนื่องจาก Affiliate เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
  • รายได้ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับคลิกและการสั่งซื้อสินค้า

Passive Income วิธีที่ 3 : ฝากเงินเอาดอกเบี้ย

Passive Income วิธีนี้เป็นวิธีง่าย ๆ ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป ข้อดีของการทำ Passive Income ประเภทนี้ คือ สามารถทำได้ง่ายไม่ต้องใช้ความรู้เยอะและมีความเสี่ยงที่ต่ำ เพียงแค่คุณเลือกบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยสูง และเลือกบัญชีประเภทฝากประจำ เพื่อให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากประเภททั่วไปและรอรับผลตอบแทนที่มาในรูปแบบอัตราดอกเบี้ย แต่อย่างไรก็ดี อย่าลืมที่จะศึกษาเงื่อนไขการฝากประจำให้ดีก่อนตัดสินใจ

ข้อดี

  • ความเสี่ยงต่ำ
  • ได้รับดอกเบี้ยสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่ธนาคารกำหนด
  • สภาพคล่องสูง
  • มีประเภทบัญชีเงินฝากให้เลือกหลากหลาย เช่น ฝากประจำ, ฝากออมทรัพย์ และฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง เป็นต้น

ข้อเสีย

  • ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำกว่าการลงทุนประเภทอื่น ๆ 
  • อาจเสียโอกาสในการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น กรณีนำเงินฝากทั้งหมดไปฝากไว้ที่ธนาคาร
  • อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับอาจจะต้องเสียภาษี ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคาร

*หมายเหตุ การทำ Passive Income ประเภทนี้หากต้องการได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น อาจต้องใช้เงินต้นที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน เพราะอัตราดอกเบี้ยที่คุณจะได้รับนั้นสัมพันธ์กับเงินต้น

Passive Income วิธีที่ 4 : หุ้นปันผล

หุ้นปันผล คือ หุ้นของบริษัทที่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ อาจเป็นรายไตรมาสหรือรายปีขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของทางบริษัท ซึ่งผู้ถือหุ้นจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผล ดังนั้น การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีพื้นฐานที่ดีถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง Passive Income ที่มั่นคง เพราะ Passive Income ที่คุณจะได้รับนั้นมาจากผลประกอบการของบริษัทและอัตราการปันผลในแต่ละรอบ

ข้อดี

  • ได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผล
  • มีโอกาสการเติบโตในระยะยาวหากบริษัทที่คุณลงทุนในหุ้นมีแนวโน้มเชิงบวก
  • ภาษีที่เสียไปสามารถนำไปลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้

ข้อเสีย

  • ความเสี่ยงสูง
  • ต้องใช้เงินทุนสูงหากต้องการได้รับเงินปันผลในอัตราที่มาก
  • เสียภาษี ณ ที่จ่าย 10%

📢 Traderbobo แนะนำ

หากคุณเป็นอีกคนที่สนใจในการลงทุนในหุ้น สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่! ซึ่งบทความนี้ผมได้รวบรวม “10 อันดับหุ้นน่าลงทุนประจำปี 2567” ไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้คุณได้ใช้ประกอบการตัดสินใจและเลือกลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Passive Income วิธีที่ 5 : ลงทุนในกองทุนรวม

กองทุนรวม (Mutual Fund) คือ การรวบรวมเงินทุนจากนักลงทุนรายย่อยเพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้น, ตราสารหนี้ และสินทรัพย์อื่น ๆ กองทุนรวมจะเหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เนื่องจากไม่ต้องจัดการการลงทุนด้วยตนเอง เพราะมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลการลงทุนให้ อีกทั้ง คุณยังสามารถเลือกประเภทกองทุนรวมได้ตามระดับความเสี่ยงที่คุณสามารถรับไหว ซึ่งความเสี่ยงของกองทุนก็ขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุนรวมครับ

ข้อดี

  • มีผู้เชี่ยวชาญดูแลและจัดการกองทุนให้
  • เงินทุนต่ำก็สามารถลงทุนได้
  • สามารถกระจายการลงทุนได้
  • ความเสี่ยงต่ำ (ขึ้นอยู่กับประเภทกองทุนที่เลือกลงทุน)

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถจัดสรรเงินลงทุนได้ด้วยตนเอง
  • บางกองทุนอาจจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างแพง
  • การจัดการการซื้อขายอาจใช้เวลานานกว่าการลงทุนด้วยตนเอง

*หมายเหตุ ผู้ลงทุนควรศึกษาเงื่อนไขและความเสี่ยงของกองทุนนั้น ๆ ให้ดี ก่อนเริ่มตัดสินใจลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร เนื่องจากผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ในอนาคตได้

📢 Traderbobo แนะนำ

บทความ “10 กองทุนรวมผลตอบแทนสูง” ที่จะให้ความรู้นักลงทุน ฉบับอัปเดตปี 2567 พร้อมกับวิธีการเลือกกองทุนรวมธนาคารไหนที่จะตอบโจทย์การลงทุนและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว

Passive Income วิธีที่ 6 : ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล

พันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารหนี้รัฐบาล คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเพื่อระดมทุนจากนักลงทุน โดยรัฐบาลจะเป็นฝ่ายกู้ยืมและนักลงทุนจะมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลในรูปแบบของอัตราดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ ไป และเมื่อถึงครบกำหนดระยะเวลาไถ่ถอนนักลงทุนก็จะได้รับเงินต้นคืนจากรัฐบาลเต็มจำนวน

ข้อดี

  • มีความน่าเชื่อถือสูง ความเสี่ยงต่ำ
  • โอกาสการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ
  • สามารถเลือกราคาการลงทุนได้ตามความพอใจของนักลงทุน

ข้อเสีย

  • ผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ
  • ค่อนข้างใช้ระยะเวลากว่าจะได้รับเงินต้นคืน

Passive Income ประเภทนี้ถือเป็นการลงทุนที่พบเห็นได้บ่อยเช่นกันครับ อสังหาริมทรัพย์ คือ ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างไม่ว่าจะเป็น อาคาร, บ้าน, คอนโด และห้องเช่า โดยการทำ Passive Income ประเภทนี้นักลงทุนจะได้รับรายได้จากการปล่อยเช่า หรือการซื้อมาขายไป

ข้อดี

  • สร้างรายได้สม่ำเสมอ
  • ความผันผวนต่ำ
  • มีความมั่นคง เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์เป็นสิ่งที่จับต้องได้

ข้อเสีย

  • สภาพคล่องต่ำ
  • ต้องใช้เงินทุนที่ค่อนข้างสูงในการลงทุน
  • มีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ เช่น ค่าซ่อมแซม, ค่าส่วนกลาง หรือค่าบำรุงรักษา

Passive Income วิธีที่ 8 : ใช้ EA เทรด Forex

EA Forex หรือ Expert Advisor Forex คือ โปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมา เพื่อเป็นตัวช่วยนักลงทุนในการเทรด Forex โดย EA Forex จะถูกเขียนขึ้นมาด้วยโปรแกรมเฉพาะของแพลตฟอร์มการเทรด Forex (MQL4 และ MQL5) การทำ Passive Income ประเภทนี้นักลงทุนจะใช้ EA Forex ในการเทรดแทนตนเอง โดย EA Forex จะทำการวิเคราะห์ข้อมูล, เปิด-ปิดออเดอร์ และจัดการความเสี่ยงตามที่โปรแกรมตั้งไว้ ทำให้นักลงทุนสร้างรายได้จากตลาด Forex ได้แม้ในขณะที่ไม่ได้เฝ้าหน้าจอครับ

ข้อดี

  • ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
  • EA ตัดสินใจโดยไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
  • เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่ค่อยมีเวลา

ข้อเสีย

  • EA อาจจะมีปัญหาหากอินเทอร์เน็ตขัดข้อง
  • นักลงทุนอาจไม่ได้รับประสบการณ์ในการเทรด

📢 Traderbobo แนะนำ

ทำความรู้จัก EA Forex ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ผ่านบทความ “EA Forex คืออะไร ช่วยเทรดได้จริงหรือไม่” บทความที่จะพาคุณไปทำความรู้จัก EA Forex ฉบับเข้าใจง่าย เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้คุณได้มากยิ่งขึ้น

Passive Income เป็นการสร้างรายได้โดยที่เราไม่ต้องลงแรงในการทำงานและไม่ต้องจดจ่อกับมันอยู่ตลอดเวลา โดยการสร้าง Passive Income อาจจะต้องใช้เวลาและลงแรงในการทำแค่ช่วงแรก ๆ แต่หลังจากนั้น Passive Income ที่เราสร้างขึ้นจะทำรายได้ด้วยตัวมันเอง ซึ่งจะต่างกับ Active Income ที่ต้องลงแรงและใช้เวลาในการทำงานครับ

โดยการทำ Passive Income สามารถทำได้หลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับความถนัดและการวางแผนการทำงานของคุณ อย่างไรก็ดี คุณควรศึกษารูปแบบการลงทุนและการทำงานที่จะช่วยสร้าง Passive Income ของคุณให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนและเพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ที่มากขึ้นครับ

คำถามที่พบบ่อย

1. Passive Income มีอะไรบ้าง?

Passive Income สามารถทำได้หลายวิธี โดย 8 วิธีสร้าง Passive Income ที่ผมนำมาให้ทุกคนอ่าน มีดังนี้

  1. สร้างและขายสินค้าดิจิทัล
  2. Affiliate Marketing
  3. ฝากเงินเอาดอกเบี้ย
  4. หุ้นปันผล
  5. ลงทุนในกองทุนรวม
  6. ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล
  7. ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
  8. ใช้ EA เทรด Forex

2. Active Income คืออะไร?

Active Income คือ การออกแรงทำงานเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนกลับคืนมา โดย Active Income จำเป็นจะต้องใช้เวลาและลงแรงในการทำ ซึ่งจะแตกต่างจาก Passive Income ครับ

3. Passive Income เสียภาษีไหม?

Passive Income ส่วนใหญ่ต้องเสียภาษีตามกฎหมายครับ แต่ก็จะมี Passive Income บางประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีหรือได้รับการยกเว้นอยู่ เช่น ดอกเบี้ยเงินฝากบางประเภท อย่างไรก็ตาม การเสียภาษีจาก Passive Income ก็จะขึ้นอยู่กับประเภทการลงทุน และกฎหมายแต่ละประเทศครับ

4. Passive Income มีความเสี่ยงไหม?

ความเสี่ยงของการทำ Passive Income ขึ้นอยู่กับประเภทการลงทุนที่คุณเลือกทำครับ หากเปรียบเทียบง่าย ๆ คือ หากคุณลงทุน Passive Income ในหุ้นก็จะมีความเสี่ยงที่สูงมากกว่าการลงทุนในเงินฝากเพื่อรับดอกเบี้ยนั่นเอง


อ่านบทความเพิ่มเติม: สาระน่ารู้

วิเคราะห์ราคาทองคำรายวัน: วิเคราะห์ราคาทองคำ และ Facebook Page

Social Share
Facebook
Twitter
บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense