การเทรด Forex มีหลายกลยุทธ์ให้เลือกใช้ ซึ่ง Day Trading และ Swing Trading เป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจ
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า การซื้อขายในตลาด Forex นั้นมีกลยุทธ์มากมายหลากหลายรูปแบบ ซึ่งขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละบุคคล โดยกลยุทธ์พื้นฐานที่พี่โบ้กำลังจะพูดถึงอยู่นี้ ถือเป็นรูปแบบการซื้อขายที่นิยมอย่างมากในตลาด Forex นั่นก็คือ Day Trading และ Swing Trading ครับ
Day Trading คืออะไร?
เป็นรูปแบบการซื้อขายที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้กัน โดยเป็นการเปิด-ปิดออเดอร์ที่จะจบภายในวันเดียว แบบไม่ถือออเดอร์ไว้ข้ามวัน เพื่อเป็นการจำกัดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เพราะเราไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่า ในอนาคตหรือตอนที่เรานอนหลับอยู่นั้นจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น Day Trading จะทำให้พอร์ตของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
Day Trading เหมาะกับเทรดเดอร์ระยะสั้น
เป้าหมายของ Day Trading คือ การใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงราคาในระยะสั้นของสินทรัพย์ที่ทำการซื้อขาย บางคนอาจซื้อหุ้นและขายในวันเดียวกันเพื่อหากำไร ซึ่งถือเป็นการซื้อขายในหนึ่งวันเช่นกันครับ
ข้อดี
- เราสามารถจำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
- มีกำไรทบต้น
- สามารถทำกำไรได้รวดเร็ว
ข้อเสีย
- ความเสี่ยงสูง เนื่องจากเป็นการซื้อขายอย่างรวดเร็ว
- ใช้เวลาในการวิเคราะห์ระหว่างวันค่อนข้างมาก
Swing Trading คืออะไร?
เป็นรูปแบบการซื้อขายในตลาด Forex อีกหนึ่งรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงเช่นกัน แต่เป็นการซื้อขายจากการแกว่งตัวของกราฟราคา ซึ่งเทรดเดอร์ประเภทนี้ต้องมีความรู้เชิง Technical Analysis ระดับหนึ่ง เพื่อกำหนดจุดเข้า (ซื้อ) และออก (ขาย) แต่รูปแบบการซื้อขายนี้มีความเสี่ยงต่อช่องว่างที่ราคาหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงในขณะที่ตลาดปิดค่อนข้างสูง
Swing Trading เหมาะกับเทรดเดอร์ระยะสั้นและยาว แต่ควรมีความรู้ทาง Technical Analaysis
ซึ่ง Swing Trading จะใช้เวลามากกว่า Day Trading แต่เป็นกลยุทธ์ที่ต้องทำความเข้าใจกับการเคลื่อนไหวของตลาดมากกว่า โดยจะถือออเดอร์ไว้ในระยะไม่เกิน 1 เดือน (ปกติอยู่ระหว่าง 3 วัน – หลายสัปดาห์)
โดยทั่วไปเทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะใช้เครื่องมือ Fibonacci, Stochastic, RSI, เส้นค่าเฉลี่ย และ Price patterns เพื่อหาสัญญาณเข้าซื้อและขาย
ตัวอย่าง
เทรดเดอร์ใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) เพื่อกำหนดระดับแนวรับ (ล่าง) และแนวต้าน (บน) ของช่วงราคา ในขณะที่บางคนใช้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA)
ข้อดี
- ใช้เวลาวิเคราะห์ระหว่างวันน้อยกว่า Day Trading
- สามารถทำกำไรในช่วงแกว่งตัวระยะสั้น ๆ ของราคา (ปกติอยู่ระหว่าง 3 วัน – หลายสัปดาห์)
- มีโอกาสทำกำไรถึง 70%
ข้อเสีย
- มีความเสี่ยงในการถือออเดอร์ข้ามคืน
- ใช้เงินทุนมากกว่า Day Trading เนื่องจากต้องถือออเดอร์ไว้ระยะหนึ่ง
สรุปความแตกต่างระหว่าง Day Trading กับ Swing Trading
Day Trading | Swing Trading | |
ต้นทุน | ต่ำกว่า | สูงกว่า |
การทำกำไร | รวดเร็ว | สะสมช้า ๆ |
เวลาที่ต้องใช้ในการซื้อขาย | สามารถทำได้เป็นระยะ | ต้องให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง |
จำนวนธุรกรรม | ทำธุรกรรมระหว่างวันจำนวนมาก | ทำธุรกรรมน้อยกว่า |
พื้นฐานความรู้ | ใช้ Technical Analaysis น้อยกว่า | ใช้ Technical Analaysis มากกว่า |
ความเสี่ยง | เสี่ยง เพราะเป็นการซื้อขายที่รวดเร็ว | เสี่ยง เพราะต้องถือออเดอร์ข้ามคืน |
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การซื้อขายทั้งสองแบบนี้ไม่สามารถบอกได้เลยว่า กลยุทธ์ใดดีกว่ากัน เนื่องจากการเลือกใช้ขึ้นอยู่กับทักษะ ความชอบ และสถานการณ์มากกว่า โดยการซื้อขายแบบ Day Trading เหมาะกว่าสำหรับผู้ที่หลงใหลในการซื้อขายเต็มเวลา และมีความมุ่งมั่น ส่วนการซื้อขายแบบ Swing Trading เป็นวิธีที่ใช้เครื่องมือทาง Technical Analaysis เข้ามาช่วย ซึ่งจะทำการซื้อขายน้อยลง แต่อาจต้องอดใจรอเพื่อกำไรก้อนใหญ่
Source: ทีมงาน Traderbobo
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: สาระน่ารู้
อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker