เปรียบเทียบความแตกต่างของ Day Trading vs Swing Trading พร้อมเจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย ครบจบในที่เดียว เพื่อช่วยให้คุณเลือกสไตล์การเทรดที่เหมาะกับตนเองได้ 🥳
Day Trading กับ Swing Trading เป็นกลยุทธ์ยอดนิยมในการเทรด Forex ซึ่งทั้งสองมีวิธีการและเป้าหมายในการทำกำไรที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเลือกกลยุทธ์ให้เหมาะกับตนเองเป็นเหมือนประตูที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จในการเทรด ดังนั้น บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกกลยุทธ์ที่ใช่ของตนเองครับ
*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง และฟอเร็กซ์ถือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ ทั้งนี้ บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น
. . . . . . . . . . . 🐶 . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . 🐶 . . . . . . . . . . .
กลยุทธ์ Day Trading คืออะไร?
กลยุทธ์ Day Trading คือ การเทรดที่เน้นทำกำไรภายใน 1 วัน (ไม่ถือออเดอร์ไว้ข้ามวัน) โดยเน้นการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เพื่อหาจังหวะที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อขายภายในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งเป็นการจำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หรือตอนที่คุณกำลังนอนหลับอยู่ นอกจากนี้ คุณยังมีโอกาสทำกำไรได้หลายครั้งต่อวันอีกด้วย
เทคนิคที่นิยมใช้สำหรับ Day Trading
- Price Action
- อินดิเคเตอร์ (Moving Average, MACD และ RSI)
- แนวรับ-แนวต้าน
- มักใช้ TF H4-D1
ความเสี่ยงของ Day Trading
Day Trading มีความเสี่ยงสูงจากการเคลื่อนไหวของราคาที่คาดเดาได้ยาก ดังนั้น คุณต้องมีความสามารถในการตัดสินใจ และจัดการกับการสูญเสียที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
Day Trading เหมาะกับใคร?
Day Trading เหมาะกับเทรดเดอร์ที่สามารถทุ่มเวลาให้กับการเฝ้ากราฟได้ทั้งวัน และสามารถรับมือกับความเครียดที่อาจเกิดจากความผันผวนของราคาได้
ข้อดีของ Day Trading
1. ไม่มีความเสี่ยงจากการถือออเดอร์ข้ามวัน
เนื่องจาก Day Trading ต้องทำการเปิด-ปิดออเดอร์ให้เสร็จภายในวันเดียว จึงไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดปิด
2. มีโอกาสทำกำไรได้หลายครั้งใน 1 วัน
Day Trading เป็นกลยุทธ์ที่ทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้น ดังนั้น คุณจะมีโอกาสทำกำไรได้หลายครั้งต่อวัน
3. เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
สอดคล้องมาจากข้อที่ 2 เพราะการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในแต่ละวัน ดังนั้น คุณมีโอกาสที่จะเห็นผลกำไรหรือขาดทุนภายในวันที่ทำการเทรด
ข้อเสียของ Day Trading
1. ต้องใช้เวลาในการเฝ้ากราฟทั้งวัน
การเทรดในแต่ละวันจำเป็นต้องติดตามกราฟตลอดเวลา ซึ่งอาจไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีเวลาจำกัด
2. จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้าน Technical Analysis
เพราะ Day Trading ต้องประเมินและคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นได้อย่างแม่นยำ ซึ่งการเทรดทางเทคนิคอลเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด
3. มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง
การเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้นมักมีความผันผวนค่อนข้างรุนแรง และคาดการณ์ได้ยากกว่าการเคลื่อนไหวระยะยาว
กลยุทธ์ Swing Trading คืออะไร?
กลยุทธ์ Swing Trading คือ การเทรดที่เน้นทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่มีลักษณะเป็นแนวโน้มระยะยาว โดยเทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะมีการถือออเดอร์เป็นเวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ (สั้นกว่า Long-term Investment) เพื่อหาจังหวะซื้อขายในช่วงที่ราคาเกิดการแกว่งตัว
เทคนิคที่นิยมใช้สำหรับ Swing Trading
- Price Pattern
- อินดิเคเตอร์ (Fibo และ Stochastic)
- แนวรับ-แนวต้าน
- มักใช้ TF H4, D1 และ W1
ความเสี่ยงของ Swing Trading
เนื่องจาก Swing Trading เป็นการถือออเดอร์ข้ามวัน ดังนั้น ออเดอร์ที่คุณถืออยู่อาจได้รับผลกระทบจากการเกิดข่าวสำคัญหรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ตลาดเกิดช่องว่างราคา (Gap) และส่งผลให้ราคาขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่คุณไม่ได้ติดตามกราฟ
Swing Trading เหมาะกับใคร?
Swing Trading เหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีเวลาจำกัด และไม่สามารถติดตามกราฟได้ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงจากการถือออเดอร์ระยะยาวได้
ข้อดีของ Swing Trading
1. ไม่ต้องเฝ้ากราฟตลอดทั้งวัน
เนื่องจาก Swing Trading เป็นการเทรดในระยะยาวกว่า Day Trading จึงไม่จำเป็นต้องติดตามกราฟอย่างใกล้ชิด ซึ่งช่วยให้คุณมีเวลามากขึ้นในการวางแผนการเทรด และไม่ต้องเผชิญกับความเครียดจากการเฝ้ากราฟ
2. มีโอกาสทำกำไรจากแนวโน้มระยะยาว
คุณสามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นในแนวโน้มหลักของตลาดได้
3. เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเฝ้ากราฟได้ตลอดเวลา
เนื่องจาก Swing Trading ไม่จำเป็นต้องเปิด-ปิดออเดอร์ภายในวันเดียว จึงทำให้คุณสามารถจัดสรรเวลาการติดตามกราฟได้ด้วยตนเอง
ข้อเสียของ Swing Trading
1. อาจมีความเสี่ยงจากการถือออเดอร์ข้ามวัน
การถือออเดอร์ข้ามวันอาจทำให้คุณต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในช่วงที่ตลาดปิด และส่งผลต่อกำไรหรือขาดทุนที่คุณจะได้รับ
2. ต้องใช้ความเชี่ยวชาญในหลายด้าน
นอกจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว Swing Traders ต้องสามารถใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) ได้ด้วย เพราะในบางครั้งการเคลื่อนไหวของราคาอาจได้รับผลกระทบจากข่าวหรือตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
3. ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์
เนื่องจาก Swing Trading ต้องถือออเดอร์หลายวันถึงหลายสัปดาห์ ดังนั้น การเห็นผลลัพธ์ (กำไรหรือขาดทุน) จะใช้เวลานานกว่า Day Trading ซึ่งอาจไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
ความแตกต่างของ Day Trading กับ Swing Trading
ลักษณะ | Day Trading | Swing Trading |
เวลาในการถือออเดอร์ | ▪ ภายใน 1 วัน | ▪ หลายวันหรือหลายสัปดาห์ |
จำนวนการเทรดต่อวัน | ▪ หลายครั้งใน 1 วัน | ▪ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือในช่วงเวลาที่เหมาะสม |
การทำกำไร | ▪ การเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้น | ▪ การเคลื่อนไหวของราคาตามแนวโน้มหลัก |
ความเสี่ยง | ▪ สูง เพราะเล่นกับการเคลื่อนไหวที่เร็วและรุนแรง | ▪ สูงเช่นกัน แต่มีเวลาให้จัดการความเสี่ยง |
เวลาในการติดตามกราฟ | ▪ ติดตามกราฟตลอดทั้งวัน | ▪ ไม่ต้องติดตามกราฟตลอดเวลา |
ประเภทของการวิเคราะห์ | ▪ Technical Analysis | ▪ Technical Analysis ▪ Fundamental Analysis |
ข้อดี | ▪ ทำกำไรจากการเคลื่อนไหวระยะสั้น | ▪ มีความยืดหยุ่นในการเทรด ▪ เหมาะกับผู้ที่มีเวลาจำกัด |
ข้อเสีย | ▪ ต้องดูกราฟทั้งวัน อาจทำให้เกิดความเครียดสูง | ▪ มีความเสี่ยงจากข่าวที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีการถือออเดอร์ระยะยาว |
เหมาะกับใคร | ▪ ผู้ที่มีเวลาว่างตลอดทั้งวัน ▪ ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว | ▪ ผู้ที่มีเวลาจำกัดในการเทรด |
*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ
Day Trading vs Swing Trading เลือกสไตล์ไหนดี?
📢 Traderbobo แนะนำ
หากคุณเป็นคนที่มีเวลาในการเฝ้ากราฟ และต้องการเห็นผลกำไรที่รวดเร็ว
👉 Day Trading อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยคุณจะสามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้นในแต่ละวัน แต่มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูง
หากคุณสามารถรอและไม่ต้องการการติดตามตลาดตลอดเวลา
👉 Swing Trading อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ เพราะมันมีความยืดหยุ่นและสามารถทำกำไรจากแนวโน้มระยะยาว
. . . . . . . . . . . 🐶 . . . . . . . . . . .
สรุป กลยุทธ์ Day Trading vs Swing Trading
Day Trading และ Swing Trading เป็นสองกลยุทธ์ยอดนิยมในการเทรดฟอเร็กซ์ ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งในแง่ของวิธีการและเป้าหมายในการทำกำไร รวมถึงความเสี่ยงที่คุณต้องเผชิญ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- Day Trading: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และเน้นการซื้อขายในช่วงเวลาสั้น ๆ ภายในวันเดียว แต่ต้องใช้เวลาติดตามกราฟ รวมถึงวิเคราะห์ราคาตลอดทั้งวัน
- Swing Trading: เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถือออเดอร์ในระยะเวลานาน เช่น หลายวันหรือหลายสัปดาห์ โดยเน้นทำกำไรในกรอบราคาใหญ่ แต่ต้องรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจาก Gap ของราคา
ซึ่งการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเองจำเป็นต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น ระยะเวลาในการเทรด, ความเชี่ยวชาญ และเป้าหมายของแต่ละบุคคล
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้กลยุทธ์ Day Trading หรือ Swing Trading การมีโบรกเกอร์ที่ตอบโจทย์กับสไตล์การเทรดนั้น ๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากยิ่งขึ้น
📢 Traderbobo แนะนำ
Day Trading: ควรเลือกโบรกเกอร์สเปรดต่ำ เพราะจำเป็นต้องเปิด-ปิดออเดอร์จำนวนหลายครั้งต่อวัน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการทำกำไร
Swing Trading: ควรมองหาโบรกเกอร์ไม่มีค่าสวอป (Free Swap) เพราะจำเป็นต้องถือออเดอร์ไว้เป็นระยะเวลานาน
ดังนั้น การเลือกโบรกเกอร์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรดจะช่วยลดต้นทุนการเทรดของคุณได้มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มผลกำไรรวมในระยะยาว และเราได้รวบรวมโบรกเกอร์ที่มีจุดเด่นในแต่ละด้านไว้ที่บทความข้างล่างนี้แล้วครับ
*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง และฟอเร็กซ์ถือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ ทั้งนี้ บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น
อ่านบทความเพิ่มเติม: สาระน่ารู้
วิเคราะห์ราคาทองคำรายวัน: วิเคราะห์ราคาทองคำ และ Facebook Page