Day Trading vs Swing Trading เลือกสไตล์ที่ใช่สำหรับคุณ!

Table of Contents
Day Trading vs Swing Trading แตกต่างกันอย่างไร

Day Trading กับ Swing Trading เป็นกลยุทธ์ยอดนิยมในการเทรด Forex ซึ่งทั้งสองมีวิธีการและเป้าหมายในการทำกำไรที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเลือกกลยุทธ์ให้เหมาะกับตนเองเป็นเหมือนประตูที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จในการเทรด ดังนั้น บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกกลยุทธ์ที่ใช่ของตนเองครับ

*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง และฟอเร็กซ์ถือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ ทั้งนี้ บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น

. . . . . . . . . . . 🐶 . . . . . . . . . . .

เปรียบเทียบความแตกต่างของ Day Trading กับ Swing Trading

. . . . . . . . . . . 🐶 . . . . . . . . . . .

กลยุทธ์ Day Trading คืออะไร?

กลยุทธ์ Day Trading คือ การเทรดที่เน้นทำกำไรภายใน 1 วัน (ไม่ถือออเดอร์ไว้ข้ามวัน) โดยเน้นการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เพื่อหาจังหวะที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อขายภายในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งเป็นการจำกัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หรือตอนที่คุณกำลังนอนหลับอยู่ นอกจากนี้ คุณยังมีโอกาสทำกำไรได้หลายครั้งต่อวันอีกด้วย

เทคนิคที่นิยมใช้สำหรับ Day Trading

  • Price Action
  • อินดิเคเตอร์ (Moving Average, MACD และ RSI)
  • แนวรับ-แนวต้าน
  • มักใช้ TF H4-D1

ความเสี่ยงของ Day Trading

Day Trading มีความเสี่ยงสูงจากการเคลื่อนไหวของราคาที่คาดเดาได้ยาก ดังนั้น คุณต้องมีความสามารถในการตัดสินใจ และจัดการกับการสูญเสียที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

Day Trading เหมาะกับใคร?

Day Trading เหมาะกับเทรดเดอร์ที่สามารถทุ่มเวลาให้กับการเฝ้ากราฟได้ทั้งวัน และสามารถรับมือกับความเครียดที่อาจเกิดจากความผันผวนของราคาได้

ข้อดีของ Day Trading

1. ไม่มีความเสี่ยงจากการถือออเดอร์ข้ามวัน

เนื่องจาก Day Trading ต้องทำการเปิด-ปิดออเดอร์ให้เสร็จภายในวันเดียว จึงไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดปิด

2. มีโอกาสทำกำไรได้หลายครั้งใน 1 วัน

Day Trading เป็นกลยุทธ์ที่ทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้น ดังนั้น คุณจะมีโอกาสทำกำไรได้หลายครั้งต่อวัน

3. เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

สอดคล้องมาจากข้อที่ 2 เพราะการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในแต่ละวัน ดังนั้น คุณมีโอกาสที่จะเห็นผลกำไรหรือขาดทุนภายในวันที่ทำการเทรด

ข้อเสียของ Day Trading

1. ต้องใช้เวลาในการเฝ้ากราฟทั้งวัน

การเทรดในแต่ละวันจำเป็นต้องติดตามกราฟตลอดเวลา ซึ่งอาจไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีเวลาจำกัด

2. จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญทางด้าน Technical Analysis

เพราะ Day Trading ต้องประเมินและคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นได้อย่างแม่นยำ ซึ่งการเทรดทางเทคนิคอลเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุด

3. มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง

การเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้นมักมีความผันผวนค่อนข้างรุนแรง และคาดการณ์ได้ยากกว่าการเคลื่อนไหวระยะยาว

กลยุทธ์ Swing Trading คืออะไร?

กลยุทธ์ Swing Trading คือ การเทรดที่เน้นทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่มีลักษณะเป็นแนวโน้มระยะยาว โดยเทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะมีการถือออเดอร์เป็นเวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ (สั้นกว่า Long-term Investment) เพื่อหาจังหวะซื้อขายในช่วงที่ราคาเกิดการแกว่งตัว

เทคนิคที่นิยมใช้สำหรับ Swing Trading

  • Price Pattern
  • อินดิเคเตอร์ (Fibo และ Stochastic)
  • แนวรับ-แนวต้าน
  • มักใช้ TF H4, D1 และ W1

ความเสี่ยงของ Swing Trading

เนื่องจาก Swing Trading เป็นการถือออเดอร์ข้ามวัน ดังนั้น ออเดอร์ที่คุณถืออยู่อาจได้รับผลกระทบจากการเกิดข่าวสำคัญหรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ตลาดเกิดช่องว่างราคา (Gap) และส่งผลให้ราคาขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่คุณไม่ได้ติดตามกราฟ

Swing Trading เหมาะกับใคร?

Swing Trading เหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีเวลาจำกัด และไม่สามารถติดตามกราฟได้ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงจากการถือออเดอร์ระยะยาวได้

ข้อดีของ Swing Trading

1. ไม่ต้องเฝ้ากราฟตลอดทั้งวัน

เนื่องจาก Swing Trading เป็นการเทรดในระยะยาวกว่า Day Trading จึงไม่จำเป็นต้องติดตามกราฟอย่างใกล้ชิด ซึ่งช่วยให้คุณมีเวลามากขึ้นในการวางแผนการเทรด และไม่ต้องเผชิญกับความเครียดจากการเฝ้ากราฟ

2. มีโอกาสทำกำไรจากแนวโน้มระยะยาว

คุณสามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นในแนวโน้มหลักของตลาดได้

3. เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเฝ้ากราฟได้ตลอดเวลา

เนื่องจาก Swing Trading ไม่จำเป็นต้องเปิด-ปิดออเดอร์ภายในวันเดียว จึงทำให้คุณสามารถจัดสรรเวลาการติดตามกราฟได้ด้วยตนเอง

ข้อเสียของ Swing Trading

1. อาจมีความเสี่ยงจากการถือออเดอร์ข้ามวัน

การถือออเดอร์ข้ามวันอาจทำให้คุณต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในช่วงที่ตลาดปิด และส่งผลต่อกำไรหรือขาดทุนที่คุณจะได้รับ

2. ต้องใช้ความเชี่ยวชาญในหลายด้าน

นอกจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว Swing Traders ต้องสามารถใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) ได้ด้วย เพราะในบางครั้งการเคลื่อนไหวของราคาอาจได้รับผลกระทบจากข่าวหรือตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ

3. ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์

เนื่องจาก Swing Trading ต้องถือออเดอร์หลายวันถึงหลายสัปดาห์ ดังนั้น การเห็นผลลัพธ์ (กำไรหรือขาดทุน) จะใช้เวลานานกว่า Day Trading ซึ่งอาจไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

ความแตกต่างของ Day Trading กับ Swing Trading

ลักษณะ

Day Trading

Swing Trading

เวลาในการถือออเดอร์

▪ ภายใน 1 วัน

▪ หลายวันหรือหลายสัปดาห์

จำนวนการเทรดต่อวัน

▪ หลายครั้งใน 1 วัน

▪ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือในช่วงเวลาที่เหมาะสม

การทำกำไร

▪ การเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้น

▪ การเคลื่อนไหวของราคาตามแนวโน้มหลัก

ความเสี่ยง

▪ สูง เพราะเล่นกับการเคลื่อนไหวที่เร็วและรุนแรง

▪ สูงเช่นกัน แต่มีเวลาให้จัดการความเสี่ยง

เวลาในการติดตามกราฟ

▪ ติดตามกราฟตลอดทั้งวัน

▪ ไม่ต้องติดตามกราฟตลอดเวลา

ประเภทของการวิเคราะห์

▪ Technical Analysis

▪ Technical Analysis

▪ Fundamental Analysis

ข้อดี

▪ ทำกำไรจากการเคลื่อนไหวระยะสั้น
▪ มีโอกาสทำกำไรได้หลายครั้งต่อวัน

▪ มีความยืดหยุ่นในการเทรด

▪ เหมาะกับผู้ที่มีเวลาจำกัด

ข้อเสีย

▪ ต้องดูกราฟทั้งวัน อาจทำให้เกิดความเครียดสูง
▪ ความเสี่ยงสูงกว่า Swing Trading

▪ มีความเสี่ยงจากข่าวที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีการถือออเดอร์ระยะยาว

เหมาะกับใคร

▪ ผู้ที่มีเวลาว่างตลอดทั้งวัน

▪ ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

▪ ผู้ที่มีเวลาจำกัดในการเทรด

*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ

📢 Traderbobo แนะนำ

หากคุณเป็นคนที่มีเวลาในการเฝ้ากราฟ และต้องการเห็นผลกำไรที่รวดเร็ว
👉 Day Trading อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยคุณจะสามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาระยะสั้นในแต่ละวัน แต่มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูง

หากคุณสามารถรอและไม่ต้องการการติดตามตลาดตลอดเวลา
👉 Swing Trading อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ เพราะมันมีความยืดหยุ่นและสามารถทำกำไรจากแนวโน้มระยะยาว

. . . . . . . . . . . 🐶 . . . . . . . . . . .

Day Trading และ Swing Trading เป็นสองกลยุทธ์ยอดนิยมในการเทรดฟอเร็กซ์ ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งในแง่ของวิธีการและเป้าหมายในการทำกำไร รวมถึงความเสี่ยงที่คุณต้องเผชิญ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • Day Trading: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และเน้นการซื้อขายในช่วงเวลาสั้น ๆ ภายในวันเดียว แต่ต้องใช้เวลาติดตามกราฟ รวมถึงวิเคราะห์ราคาตลอดทั้งวัน
  • Swing Trading: เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถือออเดอร์ในระยะเวลานาน เช่น หลายวันหรือหลายสัปดาห์ โดยเน้นทำกำไรในกรอบราคาใหญ่ แต่ต้องรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจาก Gap ของราคา

ซึ่งการเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเองจำเป็นต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น ระยะเวลาในการเทรด, ความเชี่ยวชาญ และเป้าหมายของแต่ละบุคคล

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้กลยุทธ์ Day Trading หรือ Swing Trading การมีโบรกเกอร์ที่ตอบโจทย์กับสไตล์การเทรดนั้น ๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากยิ่งขึ้น

📢 Traderbobo แนะนำ

Day Trading: ควรเลือกโบรกเกอร์สเปรดต่ำ เพราะจำเป็นต้องเปิด-ปิดออเดอร์จำนวนหลายครั้งต่อวัน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการทำกำไร

Swing Trading: ควรมองหาโบรกเกอร์ไม่มีค่าสวอป (Free Swap) เพราะจำเป็นต้องถือออเดอร์ไว้เป็นระยะเวลานาน

ดังนั้น การเลือกโบรกเกอร์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรดจะช่วยลดต้นทุนการเทรดของคุณได้มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มผลกำไรรวมในระยะยาว และเราได้รวบรวมโบรกเกอร์ที่มีจุดเด่นในแต่ละด้านไว้ที่บทความข้างล่างนี้แล้วครับ

*หมายเหตุ: การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง และฟอเร็กซ์ถือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ ทั้งนี้ บทความนี้เป็นเพียงการให้ความรู้เท่านั้น


อ่านบทความเพิ่มเติม: สาระน่ารู้

วิเคราะห์ราคาทองคำรายวัน: วิเคราะห์ราคาทองคำ และ Facebook Page

Social Share
Facebook
Twitter
บทความน่าสนใจ
Adsense
Table of Contents
บทความน่าสนใจ
Adsense