Market Watch จับตาดูโลกวันนี้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันอังคาร (7 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 3% รวมถึงหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง หลังจากบริษัททาร์เก็ตปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในไตรมาส 2
Dow Jones +0.80%
S&P500 +0.95%
Nasdaq +0.94%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.963% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 3.1% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 สัปดาห์ ทั้งนี้ หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.91%, หุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 4.57%, หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 4.55% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.9%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 1% โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.4%, หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.28%, หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส เพิ่มขึ้น 0.72% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ บวก 0.75%
หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 1.44% โดยราคาหุ้นฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์ เนื่องมาจากการที่นายอีลอน มัสก์ ขู่ว่าจะถอนตัวจากข้อตกลงซื้อกิจการทวิตเตอร์มูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หากทวิตเตอร์ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีสแปมและบัญชีปลอม
หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 1.76% หลังบริษัทเปิดตัวอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในงาน World Wide Developers Conference (WWDC22)
สวนทางกับหุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลง หลังจากทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ปรับลดคาดการณ์อัตรากำไรจากการดำเนินงานสู่ระดับ 2% ในไตรมาส 2/2565 จากเดิมคาดการณ์ว่า จะใกล้เคียงไตรมาสแรกที่ระดับ 5.3%
ทั้งนี้ หุ้นทาร์เก็ต ร่วงลง 2.44%, หุ้นโลว์ส (Lowe’s) ลดลง 0.64%, หุ้นวอลมาร์ท ร่วงลง 1.27%, หุ้นโฮมดีโปท์ ลดลง 0.67% และหุ้นเบสท์ บาย ดิ่งลง 1.16%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน พ.ค. ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทเนชันแนล ซิเคียวริตีส์ คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะเพิ่มขึ้น 8.2% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือน เม.ย. ที่ขยายตัว 8.3%
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดปรับตัวลงในวันอังคาร (7 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่เกิดจากการคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกของธนาคารกลางต่าง ๆ เพื่อพยายามควบคุมเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลง หลังจากบริษัททาร์เก็ตซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกของสหรัฐฯ เตือนเกี่ยวกับแนวโน้มผลกำไรที่ลดลง
Stoxx Europe 600 -0.28%
CAC-40 -0.74%
DAX -0.66%
FTSE 100 -0.12%
หุ้นกลุ่มค้าปลีก ลดลง 0.9% หลังบริษัททาร์เก็ตปรับลดคาดการณ์ผลกำไรรายไตรมาสลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบไม่ถึง 1 เดือน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวลง 1.1% โดยหุ้นแดสสอล์ท ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ของฝรั่งเศส ร่วงลง 2.3% หลังโบรกเกอร์ปรับลดคำแนะนำลงทุน
นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น โดยธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดในรอบ 22 ปี และส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนจะรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ และการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในวันศุกร์ ซึ่งอาจบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปหลังจากเดือน ก.ค.
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ชะลอลงตัวถ่วงตลาดลงด้วย โดยเยอรมนีเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมลดลงมากเกินคาดในเดือน เม.ย. โดยลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลจากอุปสงค์ที่อ่อนแอลง และความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. โดยคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมดังกล่าว รวมทั้งในการประชุมเดือน ก.ค. เพื่อสกัดเงินเฟ้อ