ผลการประชุม FED ล่าสุด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามที่ตลาดคาด! พร้อมย้ำว่า “เป็นความเจ็บปวดที่ต้องแลก จนกว่าเงินเฟ้อจะกลับมาสู่ระดับเดิม คือ 2%”
สืบเนื่องมาจากการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เมื่อวันที่ 20-21 ก.ย. ที่ผ่านมา ผลการประชุมออกมาว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่ที่น่าตกใจ คือ เฟดได้คาดการณ์ไว้ว่า “สิ้นปี 2022 ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 4.4%” สะท้อนให้เห็นว่า ในการประชุมครั้งต่อไป คือ เดือน พ.ย. เฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% และในการประชุมเดือน ธ.ค. อาจจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% หากเป็นไปตามคาดจริง นั่นหมายความว่า เฟดจะทำการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรง 4 ครั้งติดต่อกัน ถือว่าเป็นการใช้ไม้แข็ง และอาจกระทบต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมาก โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงกว่า 500 จุด หลังมีรายงานการประชุมออกมา
โดยผลการประชุมในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่า เฟดจะไม่มีการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากต้องการควบคุมเงินเฟ้อให้ได้ก่อน พร้อมทั้งปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่า ในไตรมาสที่ 4 ตลาดอาจได้เห็นการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
แต่หากดูจากการตอบสนองของตลาด หลังรายงานการประชุมประกาศออกไปจะเห็นได้ว่า ตลาดมีการปรับมุมมองไปให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจที่กำลังจะชะลอตัวลงมากกว่าเรื่องของการขึ้นอัตราดอกเบี้ย สังเกตได้จากหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อดอกเบี้ยปรับตัวลงน้อยกว่าหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ อีกทั้ง พี่ใหญ่ของตลาดคริปโตฯ อย่าง Bitcoin ก็มีการปรับตัวลดลงเพียง 0.3% ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์แบบนี้ควรลดลงแรงกว่านี้
สำหรับการลงทุนต้องยอมรับว่า อาจต้องเจอกับตลาดขาลง (ตลาดหมี) โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวกับการส่งออกของทั้งทางฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป อย่างเช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์, ยาง, เหล็ก และเครื่องประดับ โดย 5 กลุ่มนี้อาจมีแนวโน้มเป็นขาลงจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่จากสถิติการกลับตัวในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน โดยคาดการณ์ว่าจะเกิดในช่วงไตรมาส 1 ถึง 2 ในปี 2023 ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดกับหุ้นกลุ่มปลอดภัย (Defensive Stock) เนื่องจากมีพื้นฐานค่อนข้างมั่นคง เช่น กลุ่มเฮลท์แคร์
อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อก็ยังคงเป็นปัจจัยลบที่นักลงทุนต้องจับตาดูอยู่ ถึงแม้จะมีเริ่มมีทิศทางเป็นขาลงบ้างแล้ว แต่ยังคงเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจทำให้เฟดต้องคงการขึ้นดอกเบี้ยไว้จนถึงปีหน้า โดยนักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
Source: ทีมงาน Traderbobo
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่: สาระน่ารู้
อ่านรีวิวโบรกเกอร์เพิ่มเติมได้ที่: Review Broker